วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561

[SF] Very Important Person (ChulTeukKyu) NC-18



Very Important Person (CinTeukKyu)

Pairing: Heechul x Jungsoo x Kyuhyun
Rate: PG-15
Writer Talk: ฟิคสามพีเรื่องแรกที่เขียน (แบบที่ไม่ใช่รักสามเศร้า) .. มันเป็นอะไรที่เราฟินกันอยู่กับ @hhbonus คิดว่าคนอ่านคงน้อย ..แต่เราก็อยากแต่ง เอิงเอย อิอิ

ควันสีเทาถูกปล่อยจากเรียวปากบางช้าๆ นิ้วเรียวสองนิ้วคีบบุหรี่เข้าปากก่อนจะสูดลมหายใจเข้าดื่มด่ำความหอมระคนความขมของมัน ใบหน้าคมภายใต้แว่นสีชามองผ่านประตูอัลลอยด์บานหรูเข้าไปยังตัวคฤหาสถ์ขนาดใหญ่ที่ต่อจากนี้มันจะกลายเป็นที่ทำงานและที่อยู่ใหม่ของเขา
มือเรียวโยนก้นบุหรี่ที่เหลืออยู่ลงพื้นแล้วใช้รองเท้าขยี้มันไปมา ก่อนจะเดินไปกดกริ่งเรียกแม่บ้านให้พาเขาเข้าไปในที่อยู่ใหม่
“คุณจองซูใช่ไหมคะ?”
“ครับ”เสียงนุ่มของชายหนุ่มทำให้แม่บ้านวัยชราเผลอขมวดคิ้วฉงนใจ แต่ก็รีบเปิดประตูให้ผู้มาใหม่เข้าไปด้านในตามคำสั่ง
ชายหนุ่มกวาดสายตามองรอบๆบริเวณบ้านที่ตกแต่งทุกอย่างด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงสไตล์ยุโรป เขาไม่ได้ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งเหล่านั้นเท่าไรนัก ซ้ำยังคิดว่ามันดูไร้ค่าไปเสียด้วยซ้ำ

“คุณชายรอคุณอยู่ที่ห้องทำงานพอดีค่ะ ทางนี้ค่ะ”หญิงสาวเอ่ยพร้อมเคาะประตูขออนุญาตเจ้าของห้อง เมื่อได้เสียงตอบรับเธอจึงเปิดประตูไม้สลักนั้นเข้าไป จองซูเดินเข้าไปด้านในก่อนหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตู มือเรียวถอดแว่นตาสีชาออกก่อนสบตากับ ผู้มีพระคุณ ของเขาตรงๆ
“สวัสดีครับท่าน”
“อ้าว ปาร์คจองซู ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ตั้งแต่สมัยนายยังเป็นนักเรียนอยู่ใช่ไหม”ชายวัยกลางคนเอ่ยทักทายชายหนุ่มอย่างเป็นกันเอง แต่จองซูกลับไม่คิดว่ามันดูสนิทสนมเลยสักนิด
“ครับท่าน”
“เอาล่ะ พ่อนายคงบอกนายถึงสิ่งที่ฉันอยากไหว้วานใช่ไหม หน้าที่ของนายช่วยดูแลลูกชายคนเล็กของฉันที่เพิ่งกลับจากญี่ปุ่น เรื่องที่เขาเดินทางกลับมาเกาหลียังไม่มีใครรู้ แต่อีกไม่นานมันคงแพร่ นายต้องปกป้องดูแลเขาตลอด 24ชั่วโมง รู้ใช่ไหม”
“ครับ”ร่างสูงพยักหน้ารับคำสั่งอย่างนอบน้อม เขาเองพอจะรู้รายละเอียดคร่าวๆอยู่แล้ว หน้าที่ของเขาก็คล้ายๆกับการมาเป็นบอดี้การ์ดให้ลูกชายคนเล็กสุดรักของโจมินฮา ประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีศัตรูคู่แข่งจ้องจะทำร้ายกันนับได้ไม่ถ้วนหน้า
“ห้องของนายไม่ได้อยู่ที่ตึกคนรับใช้คนอื่น แต่อยู่ที่ชั้นสองข้างๆห้องของคยูฮยอนนะ ฉันสั่งให้แม่บ้านจัดห้องไว้ให้แล้ว นายไปพักผ่อนเสียก่อน แล้วลงมาเจอคยูฮยอนตอนเวลาอาหารกลางวัน”
“ครับท่าน”จองซูพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกห้องทำงานของโจมินฮาออกมา ร่างโปร่งมองทอดไปตามทางเดินที่ดูกว้างใหญ่ในตัวคฤหาสถ์หลังนี้ ก่อนที่แม่คนเดิมจะเดินมาชี้แจงเกี่ยวกับส่วนต่างๆของบ้าน ร่างโปร่งฟังสิ่งที่แม่บ้านอธิบายอย่างไม่ใส่ใจเท่าไร จับใจความได้เพียงแค่ว่าห้องนอนตัวเองอยู่ที่ไหนก็ขอแยกตัวออกไปทันที
“ห้องนี้งั้นเหรอ?”พึมพำกับตัวเองก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เขาแน่ใจว่าแม่บ้านบอกรายละเอียดชี้ชัดว่าเป็นห้องของเขา แต่น่าแปลก .. เขาพบกับใครอีกคนที่ยืนอยู่ในห้องนั้น
คนแปลกๆ.. สายตาแปลกๆ..แถมน่ากลัวแปปลกๆ

“บอดี้การ์ดน้องของฉันสินะ?”ชายร่างสูงหันมาเอ่ยถามเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย จองซูมองพินิจพิจารณาร่างตรงหน้าด้วยความสงสัย รูปร่างสมส่วนในแบบชายหนุ่มอายุราวๆเดียวกับเขา ใบหน้าเนียนใสติดจะหวานคล้ายหญิงสาวขัดกับทรงผมที่ตัดสั้นเซตเปิดหน้าผาก เสื้อเชิตสีขาวผ้าบางๆปลดกระดุมสองเม็ดบนเผยให้เห็นหน้าอกแกร่งเล็กน้อยเข้ากันกับกางเกงสแลค
เสื้อผ้าเรียบๆแต่กลับทำให้ร่างตรงหน้าดูดีจนไม่มีที่ติด ชายหนุ่มเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาใกล้เขาแล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย สายตาคมที่กวาดมองร่างกายเขาคล้ายจะสำรวจทุกสัดส่วนทำให้จองซูรู้สึกเหมือนโดนคุกคามจนต้องเอ่ยปากห้าม
“เอ่อ คุณครับ..มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
“ฉันคิมฮีชอล พี่ชายต่างแม่กับโจคยูฮยอน ยินดีต้อนรับสู่บ้านหลังนี้นะ”มือหนายื่นมาตรงหน้าทำให้จองซูประหม่าที่จะเลื่อนมือไปจับ เขารู้ว่ามันคงไม่ดีนักหากจะแตะต้องตัวเจ้านาย แต่สายตาของร่างตรงข้ามคล้ายกับจงใจบังคับให้เขาต้องยื่นมือออกไป
“ผมปาร์คจองซูครับ”ทันทีที่ฝ่ามือทั้งสองสัมผัสกัน จองซูก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกของอีกฝ่าย รอยยิ้มเย็นๆกับฝ่ามือเย็นๆของคนตรงหน้าทำให้คนเข้มแข็งอย่างจองซูรู้สึกอึดอัดแปลกๆ
“ดูนายจะพูดน้อยจังนะ กลัวฉันเหรอ”
“เปล่าครับ”ส่ายหน้าพร้อมดึงมืออกจากการกอบกุมของอีกฝ่าย แต่ฝ่ามือหนากลับกระชับบีบรั้งไว้ไม่ปล่อย
“หึ หลบสายตาฉันแบบนี้ แล้วยังปากแข็งว่าเปล่าอีกนะ ปาร์คจองซู”น้ำเสียงเรียบๆที่เลื่อนมากระซิบข้างหูทำให้ร่างโปร่งเผลอผลักร่างตรงหน้าออกอย่างไม่ตั้งใจ
“เอ่อ..ขอโทษครับคุณฮีชอล”
“หึ ก็ดี ยากๆแบบนี้น่ะฉันชอบ”ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทำให้ร่างโปร่งขมวดคิ้วว้าวุ่นใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเสียดื้อๆ
ท่าทางว่างานนี้จะไม่ง่ายเสียแล้วสิ..


หึ..เกลียดที่สุด..
จะให้คยูฮยอนสาบานกี่รอบกี่ที่ก็ได้ เขาบอกได้เลยว่าเขาเกลียดการเป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัวใหญ่ที่มีแต่คนจ้องจะทำร้าย เอะอะก็วีไอพี เอะอะก็คนพิเศษ ห้ามไม่ให้ใครยุ่ง ห้ามไปเกลือกกลัวกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า ก็เพราะฐานะตำแหน่งที่เขามีนี่ไง มันถึงทำให้สิ่งที่เขาได้รับมันมีแต่ความโกหกหลอกลวง ขนาดคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน ยังเฟคเข้าหาเพื่อหวังจะได้พึ่งพาบารมีเม็ดเงินและอำนาจชื่อเสียงที่เขามี
“บอดี้การ์ดนายมาแล้วนะ”ประโยคที่พี่ชายต่างมารดาเอ่ยบอกเขามันยังเวียนวนอยู่ในหัว ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด อะไรกันทำไมกับพี่ฮีชอลยังไม่มีบอดี้การ์ดอะไรนี่ แล้วทำไมเขาต้องมี เหตุผลที่ว่าเป็นคนเล็กมักโดนปองร้ายมากกว่าคนโตนั่นนี่ ไร้สาระที่สุด
“ต่อให้หาบอดี้การ์ดมาร้อยคน ฉันก็จะทำให้มันทนฉันไม่ได้ให้หมด คอยดู”

“เออนี่คยูฮยอน พ่อจะแนะนำให้รู้จักปาร์คจองซู บอดี้การ์ดของลูก”บิดาเอ่ยขึ้นกลางโต๊ะอาหารที่มีลูกชายทั้งสองนั่งร่วมโต๊ะ ลูกชายคนโตที่ได้เจอบอดี้การ์ดคนใหม่แล้วไม่ได้สนใจอะไรยังตักอาหารเข้าปากเงียบๆทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กับลูกชายคนเล็กที่หน้าบูดบึ้งตั้งแต่ลงมาทานข้าว ยิ่งได้เห็นหน้าจืดๆของคนที่ได้ชื่อว่าบอดี้การ์ดแล้วยิ่งหงุดหงิด พาลไม่อยากจะกินข้าวด้วยซ้ำ
“ครับ คุณหนู ผมฝากตัวด้วยครับ”ปาร์คจองซูที่ยืนอยู่ข้างๆแม่บ้านโค้งให้กับเจ้านายคนสำคัญของเขาอย่างนอบน้อม
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้น นายเป็นใคร เพิ่งจะรู้จักฉันอย่ามาทำสนิทสนม”
“ขอโทษครับ เอ่อ.คุณคยูฮยอน”ร่างโปร่งหน้าซีดแทบจะทันทีที่โดนตำหนิตั้งแต่วันแรก เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยทำอะไรผิดพลาดหรือน่าขายหน้า แต่คนตรงหน้ากลับทำให้เขารู้สึกเสียหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็น
“รับน้องใหม่แรงจังนะคยูฮยอน”ฮีชอลเอ่ยพร้อมยกยิ้มมุมปาก
“เปล่ารับน้องครับ ผมไม่อยากทานอาหารแล้ว ผมขึ้นไปข้างบนนะครับ”คำว่าขึ้นไปข้างบนของคุณหนูคนเล็กคงไม่พ้นจากขึ้นไปหมกตัวอยู่หน้าโน้ตบุคแล้วเล่นเกมส์ หรือไม่ก็สนทนากับเพื่อนที่อยู่ญี่ปุ่น
“ไม่ได้”น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวของบิดาทำให้คยูฮยอนที่กำลังจะลุกจากเก้าอี้ต้องหย่อนตัวนั่งลงอีกครั้ง
“ทำไมครับ”
“ไหนๆจองซูต้องดูแลคยูฮยอนแล้ว ทำความรู้จักกันเสียก่อนสิ”
“ไม่ครับ”
“เอาเถอะน่าคยูฮยอน คิดซะว่าหาเพื่อนใหม่”ฮีชอลเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะหันไปยกยิ้มให้จองซูที่ยืนตัวแข็ง
“อืม”


ผ่านมาแล้ว 3 สัปดาห์ในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้สำหรับจองซู เขารู้สึกอึดอัดไม่น้อยกับการที่ต้องอยู่ห้องนอนข้างๆกับคยูฮยอนที่ถึงทุกวันนี้ยังคุยกันได้ไม่ถึง 20 ประโยค แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือห้องนอนที่ติดกับเขาอีกฝั่งคือห้องนอนของฮีชอลที่มักจะเข้ามาแวะว่องข้องเกี่ยวกับเขาโดยไม่มีความจำเป็นสักนิด
หน้าที่ของเขาที่ผ่านมาอาจจะเรียกอีกอย่างได้ว่ายามเฝ้าหน้าห้องเสียมากกว่า เพราะคยูฮยอนไม่เคยออกไปจากบ้านไปเที่ยวไหน มีแต่จะขลุกอยู่ในห้องได้ยินเสียงเกมเสียงเพลงจากห้องมาเป็นระยะๆ แต่วันนี้แล้วล่ะที่เขาจะได้ทำหน้าที่ที่เขาควรจะทำเสียที เมื่อคยูฮยอนจะต้องออกไปเข้าร่วมพิธีดูตัวกับหญิงสาวที่โจมินฮาได้ตกลงหมั้นหมายสู่ขอกับบิดามารดาของเธอ
จองซูจัดเสื้อสูทและเนคไทด์ของเขาให้เข้าที่ก่อนจะเดินไปรอเจ้านายของเขาด้านล่าง ร่างโปร่งยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาอีกประมาณห้านาทีก็จวนจะถึงเวลาที่เจ้านายของเขาควรจะลงมาได้แล้ว และมันก็เป็นไปอย่างที่คาด รอเพียงไม่นานร่างโปร่งของคยูฮยอนก็เดินลงบันไดมา จองซูปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่าเจ้านายของเขาในชุดสูทสีครีมเป็นทางการนี้ดึงดูดสายตาเขาจนเผลอลืมตัวจ้องไปเสียนาน
“ไม่เคยเห็นคนหรือไง”
“เอ่อ..ขอโทษครับคุณคยูฮยอน”
“วันนี้ไหนๆก็จะได้ทำงานแล้ว ขับรถให้ด้วยไหม ฉันอยากรู้ว่านายจะเป็นการ์ดให้ฉันได้ดีแค่ไหน”น้ำเสียงตวัดในช่วงท้ายแสดงออกถึงความดื้อรั้นท้าทายของอีกฝ่าย จองซูที่ขัดอะไรไม่ได้จึงเดินไปคุยกับคนขับรถและทำหน้าที่นั้นแทน
รถคันใหญ่แล่นออกจากคฤหาสน์ไปตามเส้นทางที่คนขับรถบอก ภายในตัวรถยังไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นแม้แต่ประโยค จองซูเหลือบมองกระจกหลังเป็นระยะ แต่ไม่มีทีท่าว่าคยูฮยอนจะสนใจอะไรสักนิด
“เอาเท่าไร”
“คะ..ครับ?”จองซูพูดได้เลยว่าเกือบหยุดหายใจเมื่อสายตาของคยูฮยอนกับเขาหันมาสบกันพอดีผ่านกระจกหน้า สายตาเด็ดเดี่ยวของเจ้านายคนเล็กทำให้จองซูรู้สึกหวั่นแปลกๆ ทำไมกันนะ ทั้งๆที่ใช้สายตาต่างกันแต่กลับทำให้เขารู้สึกหวั่นได้ทั้งพี่และน้องแบบนี้
“มาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันได้เงินเท่าไร”
“ผมไม่ได้ค่าตอบแทนหรอกครับ ผมมาทดแทนบุญคุณของนายท่าน”
“บุญคุณ? ทำไมต้องทำด้วย?”
“ผมเองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันครับ”
“ไม่เบื่อเหรอ”
“มันเป็นหน้าที่ผมครับ”
“โง่เสียจริง”คยูฮยอนพึมพำเสียงแผ่ว แต่มันก็ทำให้อีกคนที่อยู่ในรถได้ยินชัดเจน แต่จองซูก็ไม่ได้เอ่ยเถียงหรือตอบโต้อะไรไป

“จอดก่อน”
“ครับ?”
“ฉันบอกให้จอดไง จอด”คยูฮยอนเอ่ยเสียงกร้าวทำให้จองซูต้องหยุดลงตามคำสั่ง ร่างที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังกระโดดมานั่งเบาะหน้าสร้างความประหลาดใจให้ผู้เป็นลูกน้อง
“คุณคยูฮยอน”
“หน้าที่ของนายคือดูแลปกป้องฉันใช่ไหม? เพราะฉะนั้น.. ช่วยปกป้องฉันจากการดูตัวได้ไหม”ประโยคกึ่งคำสั่งกึ่งขอร้องของคยูฮยอนทำให้จองซูสับสน ถ้าเขาตามใจคยูฮยอนมีหวังนายท่านคงโกรธจนเอาปืนจ่อหัวเขาเสียกระมัง
“ไม่ได้ครับคุณหนู”
“นายเป็นบอดี้การ์ดของฉันหรือพ่อกันแน่ ทำไมต้องทำตามคำสั่งพ่อด้วย”
“แต่สิ่งที่ท่านทำไปเพราะท่านหวังดีกับคุณนะครับ”
“หวังดี? .. หวังดีประสงค์ร้ายน่ะสิ นี่..ออกรถสิ แล้วเบี่ยงไปทางอื่นนะ”
“ครับ?”
“ฉันจะไม่ไปงานดูตัว หูหนวกเหรอไง!!!”คยูฮยอนแวดออกมาเสียงดังทำให้จองซูต้องออกรถและเบี่ยงออกจากเส้นทางที่จะไปงานดูตัวทันที
“แล้วคุณหนูจะไปไหนครับ?”
“...โง่เหรอ?”
“ฮะ?”
“ฉันเพิ่งกลับจากเกาหลี ไม่เคยออกไปไหน ไม่รู้หรอก แต่อยากไปกินอาหารแบบที่คนอื่นเขากินบ้าง พาไปหน่อยสิ”คำสั่งแกมขอร้องสุดแปลกประหลาดทำให้จองซูทำตามในทันที เขาไม่เข้าใจเหตุผลที่ทำเท่าไรนัก ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าไม่พาคยูฮยอนไปงานดูตัว เขาคงจะโดนลงโทษมหันต์แต่เขาก็เลือกจะทำตามคำสั่งของคยูฮยอนแทนเสียอย่างนั้น
อาจเป็นเพราะ..สายตาเศร้าๆคล้ายพร้อมจะร้องไห้ตลอดเวลาล่ะมั้ง

“บอกว่าจะกินอาหารธรรมดา ภัตตาคารนี่ยาจกเขากินด้วยเหรอ”
“เอ่อ..คุณหนูหมายความว่าไงครับ”จองซูงงเต๊กกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
“ฟังนะ วันนี้ฉันไม่ใช่โจคยูฮยอนลูกชายท่านโจมินฮาคนดัง แต่เป็นคยูฮยอนผู้ชายธรรมดาๆที่อยากไปเที่ยวไหนบ้าง”
“ครับ คุณคยูฮยอนอยากทานอะไรเหรอครับ”
“รามยอนข้างทาง”

ไม่รู้ว่าอะไรมันบังคับดลใจสั่งให้จองซูเดินนำพาคยูฮยอนเดินเลาะเข้าไปในร้านข้างทางเล็กๆที่เป็นเพียงเต้นผ้าใบมีโต๊ะตั้งอยู่สี่ห้าโต๊ะ จองซูเป็นคนสั่งอาหารให้เจ้านายของเขาทั้งหมด ถึงไม่รู้ว่าคยูฮยอนจะชอบรสชาติใด แต่เขาก็พอจะเดาออกจากสีหน้าสดใสเมื่อได้กินรามยอนของร่างเพรียว
“มองอะไรน่ะ”คำถามจากเรียวปากอิ่มเรียกสติให้จองซูรู้สึกตัว เผลอทีไรจองซูต้องเผลอไผลแอบมองใบหน้าขาวๆของคุณหนูคยูฮยอนไปเสียทุกที ยิ่งได้เห็นสีหน้าสดใสแทนสีหน้าเรียบเฉยด้วยแล้วยิ่งรู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง ที่ทำให้เขาคิดว่าคยูฮยอนไม่เหมือนเด็กหนุ่มทั่วๆไป

หลังจากวันนั้นจองซูก็โดนนายใหญ่ทำโทษซ้อมจนสลบไปสามวันเต็มๆ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็รู้ว่าตัวเองหัวแตก ปากแตก ตามตัวตามแขนตามขามีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด เพราะรู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้วจึงไม่ได้โอดครวญอะไรมากมาย ก็เป็นคนตัดสินใจเองทุกอย่างจะผิดอะไรถ้าจะโดนแบบนี้
“ตื่นแล้วเหรอ”น้ำเสียงเย็นยะเยือกของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงทำให้จองซูตกใจแทบจะถดหนี
“คุณฮีชอล”
“ไหนบอกว่าไม่กลัวฉันไง”
“เปล่าครับ คุณมาทำอะไรในห้องผมครับ”
“ปากดีจังนะ พาน้องฉันหนีเที่ยวแล้วยังจะให้ฉันนิ่งดูดายหรือไง”
“เอ่อ..ผมขอโทษครับ”ก้มหน้ารับความผิดแต่โดยดี หารู้ไม่ว่าใบหน้าเศร้าๆยอมรับความผิดของตัวเองจะทำให้อีกร่างยกยิ้มพึงพอใจ
มือหนาเลื่อนไปเชยคางเรียวของจองซูให้เชิดขึ้นก่อนที่ริมฝีปากเรียวจะถูกครอบครองด้วยริมฝีปากของอีกฝ่าย
“อื้อ!!”จองซูรีบผลักร่างตรงหน้าให้ออกห่าง แต่ดูเหมือนแรงของคนป่วยจะมีไม่เท่าแรงกดหนักๆด้วยมือข้างเดียวของฮีชอลเลยสักนิด ยิ่งดิ้นยิ่งโดนรุกราน เรียวลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่นตวัดลิ้นสำรวจอย่างจาบจ้วง ไม่ได้มีความอ่อนโยน แต่กลับทำให้จองซูอ่อนระทวยไปกับรสจูบนั้น
“คุณทำอะไร?”คำถามแรกที่หลุดจากเรียวปากแดงที่เจ่อบวมช้ำเพราะแรงขบเมื่อสักครู่ หยดน้ำตาไหลลงมาเอ่อคลอที่เบ้า ไม่ได้รู้สึกเสียใจ แต่ตกใจมากกว่า ทั้งๆที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ทำไม.. เขาถึงรู้สึกอ่อนโอนและหวั่นไหวไปกับจูบของฮีชอล ..
“โฮโมเหรอ?”
“ไม่ครับ ตอบผมมาก่อนทำไมคุณทำแบบนี้”
“นายน่าเอา”คำตอบที่ทำให้จองซูแทบหยุดหายใจ ท่าทางตำแหน่งที่มันดูจะล่อแหลมจนน่าหวาดเสียว เขานอนอยู่บนเตียงโดยมีฮีชอลที่ขยับมานั่งบนเตียงพร้อมใช้แขนคร่อมเอาไว้ ให้เก่งแค่ไหนยังไงๆจองซูก็เสียเปรียบอยู่ดี
“...คุณฮีชอล”
“พูดจริงนะ นายน่าเอามาก เห็นตั้งแต่วันแรกก็อยากได้”ยิ่งพูดก็ยิ่งชอค ร่างข้างใต้เบิกตามองคนตรงหน้าอย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อ สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ รู้ว่าใบหน้าของอีกคนจะเข้ามาใกล้กว่านี้จึงหลับตาปี๋ รู้สึกถึงฝ่ามือสากทั้งสองที่ลากไล้ไปทั่วร่าง แตะต้องแผ่วเบาให้รู้สึกวาบหวิวต้องการ ก่อนที่จะถึงส่วนสำคัญ มือหนาใช้นิ้วลากผ่านจนต้องหุบหาเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้
“คุณฮีชอลครับ ผมเป็นผู้ชาย”
“เป็นผู้ชาย ก็เป็นเมียฉันได้ ฉันชอบ”ประโยคบอกเล่าที่คล้ายคำสั่งทำให้จองซูนอนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆที่มือทั้งสองไม่ได้โดนพันธนาการอะไร แต่ก็ไม่รู้สึกอยากจะดันอยากผลักคนตรงหน้าออกสักนิด
“คุณฮีชอล ไม่เอานะครับ”
“มาขนาดนี้แล้ว คิดว่าฉันจะยอมเหรอ”สิ้นคำพูดของคนที่มีอำนาจเหนือกว่า เสื้อผ้าของผู้ป่วยก็โดนปลดเปลื้องออกจนร่างกายเปลือยเปล่า ฮีชอลกวาดสายตามองร่างขาวอย่างพินิจพิเคราะห์ มีพลาสเตอร์และผ้ากอซปิดแผลติดไปทั่วร่าง เรียกให้ลิ้นร้อนไปเลียมันคล้ายจะปลอบประโลมให้แผลหายเร็วขึ้น กลิ่นคาวเลือดผสมปนเปกับกลิ่นยาฆ่าเชื้อกระตุ้นให้ฮีชอลต้องการหนักกว่าเก่า มือหนาบีบเคล้นเฟ้นฟอนปลุกเร้าร่างด้านใต้จนเสร็จถึงฝั่งฝัน ก่อนจะค่อยแยกขาออกสำรวจช่องทางที่จะพาเขาไปสู่สวรรค์ได้เช่นกัน
“อึก..เจ็บครับคุณฮีชอล”
“อ่า..นายไม่เคยใช่ไหม อย่าบีบรัดแรงนักสิ”
“ครับ”จองซูพยักหน้าทำตามคำสั่งที่ฮีชอลบอกทั้งหมด ร่างทั้งสองเชื่อมเป็นของกันและกัน เบียดเสียดขยับเสียดสีเร่งอารมณ์ส่งไปสู่ฝั่งฝันของทั้งสอง เสียงครางแหบพร่าระคนกับเสียงกระทบกันของเนื้อ ยิ่งเร็วยิ่งแรงยิ่งทำเร้าอารมณ์
“อึก..อา..”เสียงครางสุดท้ายหลุดออกจากเรียวปากบางก่อนที่ทั้งคู่จะถึงปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นออกจากกาย ร่างข้างใต้หอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยอ่อน บาดแผลตามร่างกายถูกอีกร่างเสียดสีจนเป็นรอยช้ำกว่าเก่า แต่จองซูกลับไม่ปริปากโอดครวญแม้แต่คำเดียว
“ทำตามคำสั่งฉันดีมากจองซุ”

สาบานได้..จองซูเป็นผู้ชายเต็มร้อย..
และก็สาบานได้อีก..ว่าจองซูปฏิเสธสัมผัสของฮีชอลไม่ได้จริงๆ..

“เด็กดี.. นายเป็นของฉันแล้วนะอีทึก คนพิเศษของฉัน”





“จองซู”เป็นอีกครั้งที่คนป่วยลืมตาขึ้นจากห้วงนิทราด้วยความงงงวย เขาคงตาฝาดไม่ก็ฝันไปล่ะมั้งที่ได้เห็นเจ้านายคนเล็กมานั่งอยู่ข้างๆเตียงเขา
ห๊ะ? เตียง?!!!’
“คุณคยูฮยอน”ร่างโปร่งยันกายพยายามดันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ก้มลงมองสำรวจตัวเองก็พบว่าเสื้อผ้าถูกสวมใส่ให้เรียบร้อย โล่งอกไปได้ไม่ได้นานก็ต้องหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อฝ่ามือเรียวของร่างเพรียวเลื่อนมาแตะบริเวณลำคอ
“ยุงกัดเหรอ?”
“ห่ะ หืม? ครับ?”
“รอยที่คอนี่รอยดูดหรือรอยยุงกัด”คำถามจากเรียวปากแดงๆทำให้จองซูเผลอกัดริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว ชิบหายแล้วจองซู ถ้าคยูฮยอนรู้เรื่องเข้าคงโดนรังเกียจแน่ๆ
“อ่อ ยุงกัดน่ะครับ”
“จริงเหรอ?”
“ครับ คุณคยูฮยอนมีธุระอะไรจะให้ผมจัดการหรือเปล่าครับมาถึงห้องผมแบบนี้”
“เอ่อ..เปล่า”กลายเป็นคยูฮยอนบ้างที่อ้ำอึ้งไม่กล้าตอบคำถาม ร่างเพรียวหลุบสายตาลงมองพื้นเตียง มันหนักปากอย่างไรไม่รู้หากจะต้องพูดคำๆนั้น แต่จะให้นิ่งเฉยดูดายมันก็ดูจะเลวร้ายเกินไปกับคนที่มีพระคุณต่อเขา
“ครับ?”จองซูมองร่างตรงข้ามด้วยความงุนงง ท่าทางแปลกๆของคุณหนู ใบหน้าหวานๆกำลังแสดงสีหน้าคล้ายกำลังมีอะไรอัดอั้นอยู่ในใจ แบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“เอานี่มาให้”พูดจบมือซ้ายที่กำอยู่แน่นก็แบออก ก้อนชอคโกแลตลูกกลมๆห่อด้วยกระดาษฟอยด์สีทองปรากฏให้จองซูเห็น ร่างโปร่งทั้งงงทั้งรู้สึกขำกับท่าทางของคนตรงหน้า ที่แท้ก็จะเอาชอคโกแลตมาให้ ทำท่าเหมือนมีใครเป็นอะไรอย่างนั้นล่ะ
“ยิ้มอะไร?”
“เปล่าครับคุณคยูฮยอน ขอบคุณมากนะครับสำหรับ..ชอคโกแลต”จองซูก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนมือไปหยิบก้อนชอคโกแลตจากฝ่ามือเรียว
“ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม ฉันทำอะไรผิดรึไง”คนเย่อหยิ่งตวัดเสียงถามด้วยความไม่พอใจ รู้สึกหมั่นไส้ร่างโปร่งตะหงิดๆอุตส่าห์หวังดีเห็นว่ายอมโดนซ้อมเพราะฝ่าฝืนกฎที่มีสาเหตุมาจากเขา แต่ดันมาหัวเราะเสียได้ คนอะไรไร้มารยาทชะมัด
“ผมขอโทษครับคุณคยูฮยอน แต่ก็ต้องขอบคุณคุณมากนะครับ”
“อืม ฉันไปล่ะนะ”
“ครับ”
“เออนี่ ถ้าหายแล้วพาฉันไปกินไอ้ไม้ที่มันปิ้งๆตรงข้างทางด้วยนะ”
“ครับ คุณคยูฮยอน”จองซูพยักหน้ารับคำสั่งของคุณหนูตามหน้าที่
ดวงตาคู่คมมองใบหน้าหวานรั้นๆ ที่มักใช้หางตามองคนนั้นคนนี้ดูเย่อหยิ่ง เย็นชา ไม่มีมิตรไมตรี ไม่มีความอ่อนโยนสดใสร่าเริงแบบที่เด็กหนุ่มควรจะมี ร่างเพรียวลุกเดินออกไปจากห้องนอนนานแล้ว แต่จองซูก็ยังมองค้างไปที่ประตูห้องไม่เลิก
รู้สึกแปลกๆ .. ที่ละสายตาจากคยูฮยอนไม่ได้
ดูมีอะไรที่น่าค้นหามากกว่าที่เห็นด้วยสายตา .


จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนก็เกือบจะกลายครบหนึ่งปีแล้วที่จองซูต้องมาทำหน้าที่บอดี้การ์ดให้กับโจคยูฮยอนในครอบครัวตะกูลโจ หลังจากที่ความสัมพันธ์ของจองซูกับฮีชอลเคยเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง ครั้งที่สองสามสี่มันก็ตามมาเรื่อยๆจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา หากว่าเจ้านายหน้าหวานเดินเข้ามาในห้องของบอดี้การ์ดคนสำคัญเมื่อไร กิจกรรมร้อนที่ต้องแลกด้วยความเหนื่อยอ่อนจนแทบลุกจากเตียงไม่ไหวก็ต้องเกิดขึ้นทุกครั้งอย่างปฏิเสธไม่ได้
นอกจากความสัมพันธ์ที่มีกับฮีชอลแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคยูฮยอนก็พัฒนาไปในทิศทางที่ดีไม่ต่างกัน คนเย่อหยิ่งเริ่มลดตัวลงมาพูดคุยกับลูกน้องที่รู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่ต้นมากขึ้น น้ำเสียงเรียบเฉยเย็นชาถูกแทนที่น้ำเสียงใสๆบ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริง รอยยิ้มน้อยๆที่มักจะได้เห็นยามที่เจ้าตัวได้ลิ้มลองอาหารรสชาติถูกปาก เป็นเด็กน้อยสมชื่อเสียจริง .
วันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่คุณหนูคยูฮยอนออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกโดยมีบอดี้การ์ดปาร์กจองซูเป็นคนเดินอยู่ข้างๆ ย่านชอปปิ้งแถวคังวอนดงมีชอปแบรนด์ดังๆรวมอยู่มากมายไม่ได้ดึงดูดให้คยูฮยอนสนใจได้มากเท่ากับร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในซอยลึกๆชั้นสองที่ไม่เป็นที่สังเกตเท่าไรนัก ทว่ารสชาติของกาแฟและของหวานที่นั่นกลับถูกปากทำให้ร่างเพรียวต้องกลับมาอุดหนุนบ่อยๆ
“..ซู จองซู”
“ห่ะ หื้ม ครับ? คุณคยูฮยอน”จองซูที่กำลังยกคาปูชิโน่ขึ้นจิบหันกลับไปตามเสียงเรียกด้วยความตกใจ ทั้งๆที่นั่งตรงข้ามกับคยูฮยอน แต่ในสมองกลับกำลังคิดสับสนไปถึงเรื่องที่นายใหญ่เขาเพิ่งสั่งวันนี้
“เป็นอะไรไป ทำไมไม่ดูเหม่อๆ”
“เปล่าครับ คุณคยูฮยอนทานเค้กต่อเถอะครับ”
“ฉันถามว่าพาฉันไปซื้อของที่ร้านเกมได้ไหม”
“แต่ว่านี่เย็นแล้วนะครับ ถ้ากลับไปไม่ทันอาหารมื้อเย็นระวังนายท่านจะดุเอานะครับ”
“วันนี้พี่ฮีชอลไม่อยู่ พ่อไปทำงาน ใครจะว่าได้”ก็จริงอย่างที่เจ้าตัวว่าทุกอย่าง แต่จองซูกลับรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องพาคยูฮยอนไปเที่ยวในเวลากลางค่ำกลางคืน เพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์ที่เกือบทำเขาคอขาดมาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่คยูฮยอนอ้อนอยากลองไปผับแบบเด็กคนอื่น
“ไปแปปเดียวน่า..นะครับพี่จองซู”สรรพนามไม้ตายที่ทำให้จองซูไม่กล้าขัดใจถูกงัดมาใช้ทำให้ร่างโปร่งต้องตกลงรับคำขอ
ร่างเพรียวยิ้มกว้างอย่างคนมีชัย รู้ดีว่าจองซูไม่มีทางขัดใจเขาได้หากทำแบบนี้ มือเรียวตักเค้กเข้าปากเชื่องช้าลิ้มรสชาติหวานๆที่ตัวเองชอบด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย จองซูลอบมองท่าทางของคนตรงหน้ายิ้มๆ ให้ตายสิคนอะไรทำไมถึงน่ารักขนาดนี้กัน
หืม? น่ารัก..อย่างนั้นเหรอ?
ตั้งแต่เมื่อไรกันที่จองซูคิดว่าคยูฮยอนน่ารัก เด็กปากเสียที่เอาแต่เชิดคนนี้มีอะไรดีกันนะ? จองซูไม่เคยรู้เลยจริงๆ

“ไปไหนกันมาน่ะ”ร่างสูงที่นั่งอ่านแมกกาซีนในห้องรับแขกเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องชายตัวแสบและบอดี้การ์ดตาคมกำลังเดินเข้าบ้านมา
“เอ่อ..ผมให้จองซูพาไปกินข้าวกับซื้อเกมมาน่ะครับพี่ฮีชอล”ร่างเพรียวเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ไหนบอกว่าจะกลับดึก ทำไมกลับมาก่อนเขาได้ซะล่ะ
“ทำไมกลับมืดล่ะ”
“ผมออกไปเย็นแล้วน่ะครับ พี่อย่าบอกพ่อนะ”
“ก็นั่นแหละที่จะเตือน จองซูทำไมนายไม่เตือนคยูฮยอน”เมื่อเห็นว่าน้องชายตนยอมรับผิด ฮีชอลจึงหันไปเล่นงานอีกคนที่ยืนหน้าเสียอยู่ด้านหลัง
“เอ่อ..ผมขอโทษครับคุณฮีชอล”
“หึ.. ใช่ไม่ได้เลยนะ”
“ขอโทษครับ”
“พี่ฮีชอลอย่าโทษจองซูไปน่า.. ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนี่ เดี๋ยวผมขึ้นไปเล่นเกมก่อนนะครับ ฝันดีนะ”คยูฮยอนรีบบอกก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เพราะรู้ว่าถ้าเขายังอยู่ตรงนี้คงต้องติดแหงกอยู่ในความอึดอัดอีกเป็นชั่วโมงแน่นอน
ในบ้านทั้งแม่บ้านคนขับรถคนรับใช้ทุกคนต่างรู้ดีว่าฮีชอลไม่ชอบหน้าจองซูซักเท่าไรนัก เห็นเจอหน้ากันทีไร ฮีชอลก็มักจะเย็นชาใส่หาเรื่องติเตียนอะไรอยู่ทุกครั้ง

“จองซู ออกไปที่โรงรถกับฉัน”คำสั่งเรียบๆทว่ามีอำนาจทำให้จองซูต้องเดินตามร่างที่สูงกว่าไปยังสวนตามที่เจ้าตัวบอก โรงรถในเวลากลางคืนไม่มีแม่บ้านหรือคนงานมารบกวน จึงทำให้ฮีชอลสามารถพูดคุยกับจองซูได้แบบไม่ต้องเสแสร้ง
“ทำไมกลับดึก”ถึงเสียงจะแข็งกร้าวแต่แววตาก็แสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงร่างตรงหน้า มือเรียวยกขึ้นกอดอกมองใบหน้าคมนิ่ง
“ก็..คุณคยูฮยอนอยากไปซื้อเกมน่ะครับ”
“รู้ใช่ไหมว่าทำไมไม่ชอบให้กลับดึก”
“รู้ครับ”
“รู้แล้วทำไมยังทำ”
“ผมขัดคำสั่งคุณคยูฮยอนไม่ได้นี่ครับ”
“นายโตกว่าหมอนั่นทำไมจะขัดไม่ได้”
“คือผม..”
“บอกแล้วใช่ไหม นายใหญ่ของนายคือฉัน ไม่ใช่พ่อหรือคยูฮยอน”ดวงตาที่แข็งกร้าวเพราะอารมณ์ร้อนที่เริ่มเกิดทำให้จองซูเผลอถอยหลังหนี
“คุณฮีชอลผมขอโทษ”
“นายเป็นของฉันนะจองซู”
“ผม...รู้”
“นายชอบคยูฮยอนเหรอ”
“ฮ่ะ..ครับ?”จองซูเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ทำไมจู่ๆคนตรงหน้าถึงนึกเรื่องแบบนั้นขึ้นมาได้ เอาจริงๆเขาก็แค่ทำตามหน้าที่ของเขา ที่รู้สึกผูกพันก็คงเป็นเพราะ .. “เอ็นดู” รู้สึกเหมือนเป็นน้องชายคนหนึ่ง
“ไปด้วยกันบ่อยๆ คยูฮยอนอ้อนเอาอะไรก็ไม่ขัดใจ ยอมโดนลงโทษทั้งซ้อมปางตาย ทั้งไม่ให้กินอาหาร ทำไมถึงยอมล่ะ?”ร่างสูงเอ่ยถามพลางขยับเข้าไปใกล้ จองซูมองฮีชอลอย่างหวาดๆ สายตาดุร้ายคล้ายสัตว์ป่ากำลังจะตระครุบเหยื่อทำให้จองซูแทบจะหันหลังเดินหนี ติดอยู่ที่ฝ่ามือแกร่งที่คว้าข้อมือเขาเอาไว้
“ตอบมาสิ จะหนีไปไหน”
“ผม..ผมก็แค่อยากทำให้คุณคยูฮยอนเขาพอใจน่ะครับ คุณฮีชอลอย่าทำเสียงโกรธแบบนี้สิครับ”
“ถ้าอย่างนั้น นายทำให้ฉันพอใจบ้างสิ ตามใจฉันบ้างสิ ยอมทำตามคำขอฉันสิ”ปลายลิ้นร้อนลากไล้ไปตามใบหูเล็ก ขยับกายแนบชิดพร้อมฝ่ามือหนาที่รุกไล้สัมผัสกายบาง ฝ่ายถูกกระทำไม่ได้ดิ้นหนี แต่กำลังกวาดสายตามองหาอะไรที่จะช่วยให้หยุดคนตรงหน้า
“คุณฮีชอลอย่านะครับ นี่มันข้างนอกนะครับ”
“ก็บอกแล้วไงว่านายต้องตามใจฉัน ฉันอยากเอา ฉันก็จะเอานายตรงนี้”
“แต่..อื้อออ”คำปฏิเสธถูกปิดกลั้นด้วยริมฝีปากอิ่มที่บดขยี้ลงอย่างรุนแรงด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ก็บอกแล้วไงว่าห้ามปฏิเสธ นายไม่เคยปฏิเสธฉันไม่ใช่เหรอจองซู”กระซิบถามเสียงพร่ามือหนาดึงเนกไทด์ของร่างโปร่งออก แล้วใช้มันผูกมัดมือเรียวทั้งสองไว้ด้วยกันทางด้านหลัง
“คุณฮีชอล อย่าทำแบบนี้ครับ”ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ฮีชอลทั้งรุกเร้าด้วยเรียวลิ้นและฝ่ามือ ขยับกายเข้าแนบชิดสอดขาเข้าไปที่หว่างขาเรียวถูไถปลุกปั้นอารมณ์ร่วมให้กับร่างที่กำลังตกเป็นรอง เสียงครางฮื้อฮ้ารอดจากเรียวปากแดงที่เม้มแน่น มือหนาผลักแผ่นหลังเล็กแนบชิดกับหนึ่งในรถคันหรูของบ้าน ปลดเปลื้องอาภรณ์พร้อมปรนเปรอสัมผัสให้หยาบๆ ไม่มีความอ่อนโยนประนีประนอม
“อึก..อื้อ..เจ็บหลัง..”จองซูครางเบาๆเมื่อฮีชอลสอดใส่แกนกายเข้ามาในร่าง น้ำหนักที่ถูกทิ้งลงไปที่แผ่นหลังทำให้เนื้อนิ่มเสียดสีกับตัวรถ มือเรียวจิกไหล่แกร่งเอาไว้แน่น “อึก..อื้อ..คุณฮีชอล..”หยดน้ำตาใสๆไหลลงจากหางตาคู่สวย จองซูไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับบทรักครั้งนี้เลยสักนิด ไม่อยากจะตอบโต้อะไร แค่อยู่นิ่งๆให้มันจบไปแบบทุกๆครั้ง
“เจ็บ..อื้อออ”มือเรียวจิกแผ่นหลังแกร่งแน่นจนเป็นรอยแผลลึก เมื่อแรงกระแทกครั้งสุดท้ายถูกส่งผ่านพร้อมความอุ่นร้อนบริเวณท้องน้อย ทั้งเจ็บทั้งจุก ..
“ตามใจฉันดีๆสิจองซู จะได้ไม่เจ็บตัว”กระซิบข้างใบหูเล็ก ก่อนที่ร่างโปร่งจะทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความอ่อนแรง
“คุณฮีชอลพอเถอะครับ ผมไม่ไหว อึก..”จองซูพึมพำแผ่วเบาคล้ายอ้อนวอน ก่อนจะเม้มปากแน่นพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมาอาบแก้ม
“ไม่ได้หรอกน่า..คืนนี้ยังอีกยาว”คำพูดสั้นๆแต่ทำให้คนฟังอยากจะหายตัวหนีไปจากตรงนั้น แขนแกร่งวาดกอดร่างโปร่งก่อนจะอุ้มร่างที่อ่อนปวกเปียกเข้าไปในตัวบ้านและขึ้นไปยังห้องนอนของเขา
อาจเป็นเพราะความประมาทของฮีชอลที่ไม่ได้เอะใจหรือคิดระวังตัว จึงทำให้คนที่บอกว่าอยากเล่นเกมต้องพยายามนอนข่มตาให้หลับ ให้ลืมสิ่งที่ตัวเองเพิ่งเห็น และไม่ต้องคิดถึงต้นตอเสียงที่ดังตึกตึกที่ดังแว่วมาจากห้องนอนในชั้นเดียวกัน



“พี่จองซู พี่รักผมบ้างไหม”คำถามจากเรียวปากซีดที่กำลังเม้มแน่นเข้าหากันด้วยความลังเล จองซูมองเจ้านายคนเล็กด้วยความไม่เข้าใจ จู่ๆทำไมคนหยิ่งยโสมั่นใจในตัวเองสูงอย่างคยูฮยอนถึงถามเขาแบบนั้น ไหนจะสรรพนามที่เขายังไม่คุ้นชินนั่นอีก
“คะ..ครับ?”
“พี่อยู่กับผม ดูแลผม นั่งทานข้าวกับผม พี่เคยหวั่นไหวกับผมบ้างไหม”ดวงตาคู่กลมมองนิ่งทำให้ร่างสูงไม่กล้าขยับเรียวปากตอบอะไร มือหนาละจากตะเกียบและช้อนลงมาวางบนตัก
“คุณคยูฮยอนเป็นคนในความดูแลของผม ผมก็ต้องผูกพันกับคุณสิครับ”คำตอบกำกวมที่ทำให้คนถามยิ่งขุ่นมัว
“พี่ตอบไม่ตรงคำถาม”
“คุณคยูฮยอนเรียกผมว่าจองซูแบบเดิมดีกว่านะครับ”
ปัง!!!’
“หยุดทำตัวแบบนี้ปาร์คจองซู!!!”คยูฮยอนตบโต๊ะลั่นพร้อมแวดอาละวาดเสียงเกรี้ยวกราด ใบหน้าหวานฉายแววโมโหจนคนถูกว่าแปลกใจ
มือขาวทั้งสองดึ้งทึ้งคอเสื้อของร่างสูงพร้อมกำแน่น ริมฝีปากล่างถูกกัดจนเป็นห้อเลือดบวดช้ำ ดวงตาของทั้งสองฝ่ายสบกันนิ่งโดยไม่มีใครพูดอะไร ก่อนที่เรียวมือจะฟาดเข้าที่ใบหน้าหล่อจนหัน
“บอกมาสิ! จะทำตัวแบบนี้ไปถึงไหน! เลิกจับปลาสองมือ เอามันทีละสองคนได้ไหม!!!”สองมือทั้งดึงทั้งทึ้งเขย่าคอเสื้อจนจองซูต้องเลื่อนมือไปคว้าข้อมือเรียว แต่ร่างโปร่งก็สะบัดมันออกแรง
“คุณคยูฮยอนใจเย็นๆครับ”
“ใจเย็นอะไร!!! ใจเย็นทนเห็นคนเลวๆอย่างนาย ทนนอนฟังนายทำอะไรแบบนั้นกับพี่ชั้นน่ะเหรอ!!! ไอ้เลว!!”ก้ำปั้นหนักๆถูกซัดเข้าที่แก้มตอบจนเลือดสีสดไหลออกมุมปาก ก่อนที่เสื้อเชิตของจองซูจะถูกกระชากจนกระดุมเม็ดบนขาดกระเด็น
“ไอ้รอยพวกนี้มันรอยอะไรห๊ะ! ตอบมาเซ่! ไอ้งั่ง!!!”จองซูเพียงแค่นั่งเฉยๆไม่ได้โต้ตอบ ปล่อยให้คยูฮยอนตบตีให้สาแก่ใจ บางทีครอบครัวนี้อาจจะติดนิสัยเดียวกันมาก็ได้ .. โมโหใครก็ทำร้ายคนคนนั้นให้เจ็บปวด .. เพียงนิ่งๆไม่โต้ตอบ พายุก็จะสงบลงเอง

..แต่จองซูคิดผิดสนิท..
พายุอย่างคยูฮยอนไม่ได้สงบลงง่ายๆเพียงแค่ได้ระบายอารมณ์ ระเบิดน้ำตาอาบแก้มเนียนในแบบที่เจ้าตัวไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นจนจองซูเองยังเผลอสั่น เรียวมือที่กำลังจิกทึ้งแขนเขาเป็นรอยแดงสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้น ก่อนที่ร่างโปร่งจะทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้กับพื้นเสียงดัง
จองซูพอจะเข้าใจสาเหตุกรายๆที่อยู่ๆเจ้านายคนเล็กก็บอกให้พามาทานข้าวในภัตาคารห้องวีไอพี คงเพราะเจ้าตัวไม่อยากให้ใครเข้ามากวน และไม่อยากให้ใครเห็นด้านอ่อนแอของเขา
“ฮึก..หันไปนะ อย่ามองผม พี่อย่ามองผมด้วยสายตาสมเพชแบบนั้น ฮือ..”คำสั่งแฝงน้ำเสียงอ้อนวอนจากเรียวปากแดงช้ำทำให้จองซูต้องเบือนหน้าหนีตามคำสั่ง แม้จะอยากลุกไปกอดร่างตรงหน้าใจแทบขาด
“ผม...ขอโทษ”แม้เสียงที่หลุดไปจะผะแผ่วแต่คนที่กำลังฟูมฟายก็ยังได้ยิน
“ไม่ต้องขอโทษ! พี่ไม่รักผม! แล้วพี่ทำแบบนี้กับผมทำไม พี่ให้ความหวังผมตลอดเวลาทำไม .. ฮรึก.. พี่ไม่เคยรักผมเลย ไม่เคยเลยใช่ไหม!!!”มือขาวสองข้างเช็ดน้ำตาบนหน้าป้อยๆ ทั้งกล่าวตัดพ้อประชดคนอาวุโสกว่าไม่หยุด สั่นไม่ทั้งตัวแล้ว ทำไมมันผิดหวังมากขนาดนี้กันนะ ..
“ใครบอกคุณแบบนั้น”
“พี่รักพี่ฮีชอล!!!!!”เพียงประโยคเดียวทำให้จองซูเม้มปากแน่นไม่พูดอะไรต่อ ร่างสูงขยับเข้าไปกอดร่างโปร่งที่กำลังสั่นสะอื้นกองอยู่บนพื้น แขนแกร่งแม้ไม่ได้มีกล้ามเนื้อสวยงามแต่สร้างความอบอุ่นให้เด็กน้อยขยับเข้าซุกแผ่นอก มือหนาที่กำแน่นลังเลที่จะแบออกลูบปลอบแผ่นหลังบาง
“ใจเย็นสิคยูฮยอน”
“ไม่ พี่จะให้ผมใจเย็นได้ยังไงกันน่ะ พี่คิดว่าผมไม่มีความรู้สึกรึไงเล่า”เสียงงุ๊งงิ๊งลอดจากเรียวปากที่ซุกเบียดกับอก มือเรียวทุบอั่กๆเข้าที่อกทำเอาจองซูนิ่วหน้า
“พี่ไม่ได้ไม่รู้สึกอะไรกับเรานะ”คำปลอบประโลมข้างหูทำให้คนที่เขื่อนแตกเริ่มสงบลง แต่จองซูจำเหตุการณ์ต่อจากนั้นไม่ได้เลยจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นกันนะ ..


จองซูหยีตาเมื่อแสงไฟแยงตาจนต้องเปิดตาขึ้น ดวงตาสีชากวาดมองไปรอบๆก็ต้องตกใจเมื่อเขาถูกพันธนาการอยู่ในห้องเก็บของแคบๆที่เขาจำได้ว่าเขามาเหยียบที่นี่ตอนมาค้นของให้เจ้านายเพียงครั้งเดียว ข้อมือขวาถูกมัดกุญแจข้อมือคล้องไว้กับเหล็กดัดของหน้าต่าง ความสกปรกของพื้นทำให้ส่วนล่างรู้สึกขยะแขยง
ตึงเสียงกระแทกของอะไรบางอย่างกับตู้เหล็กเก่าๆเสียงดังทำให้จองซูเบิกตากว้าง ร่างเพรียวของเจ้านายคนเล็กโดนคนเป็นพี่ใช้มือกดติดไม่ให้ขยับแน่น เสื้อผ้าที่หลุดรุ่ยไม่เข้าที่เผยให้เห็นรอยชมพูจางๆที่ซอกคอขาว ตัดกับรอยกัดแดงช้ำที่ต้นแขนขาว
“พี่..อึก..ฮีชอล”ร่างโปร่งพยายามขืนแรงของคนเป็นพี่สุดแรงแต่คนที่มีกำลังมากกว่าย่อมชนะอยู่วันยันค่ำ ใบหน้าหวานคมของฮีชอลขยับเข้าจนปลายจมูกโด่งชนกับปลายจมูกของคยูฮยอน เรียวปากบดขยี้มอบจูบรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อผู้เป็นน้องขัดขืนคนที่เป็นพี่ก็มักฝังรอยเล็บตามแผ่นอกจนคนเป็นน้องต้องยอมพ่ายแพ้ จองซูได้แต่นั่งอึ้งมองภาพตรงหน้าโดยไม่กล้าส่งเสียงหรือขยับตัว ยิ่งกว่าได้ดูหนังสด มันเหมือนการล่าเหยื่อเสียมากกว่า รัดรึงให้ขยับไม่ได้ก่อนจะกลืนกินจนแหลกสลายไม่เหลือเพียงผุยพง
ขอบตาคู่สวยร้อนผ่าวหยดน้ำใสๆที่พยายามกลั้นไว้ไหลลงช้าๆ มือข้างที่เป็นอิสระยกขึ้นปาดมันทิ้งลวกๆ รู้สึกเหมือนได้ย้อนความทรงจำกลับมาดูการกระทำป่าเถื่อนของฝ่ายกระทำ แตกต่างแค่คนถูกกระทำไม่ใช่เขา ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่จุกแน่นบริเวณหน้าอกนี้คืออะไร แต่จองซูบอกได้เลยว่าเขาเกลียดมันที่สุด หากทำได้เขาจะขอตายไปคงจะดีกว่า
เสียงครางเจ็บปวดของคยูฮยอนดังระงมทุกจังหวะทุกสัมผัสจาบจ้วงที่ฮีชอลฟอนเฟ้นเคล้นและกระแทกเข้าในกาย มือทั้งสองของคยูฮยอนจิกกับขอบตู้แน่นจนเห็นรอยเส้นเลือดปูดนูนออกมา แม้สีหน้าจะดูฝืนทนต่อต้านแต่กายส่วนล่างกลับขยับตอบรับ
จองซูหนีบหน้าขาเข้าหากันแน่นพยายามสกัดกลั้นอารมณ์ดิบที่กำลังไต่ระดับขึ้นสูง แม้จะรู้สึกรังเกียจมากแค่ไหน สิ่งลึกๆที่ซ่อนไว้ในใจก็ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเร้าอารมณ์เขาได้ดี กล้ามเนื้อสัดส่วนของฮีชอลที่คุ้นเคยกำลังเบียดเสียดกับแผ่นหลังขาวนวลของคยูฮยอน ใบหน้าคมเข้มหันมาสบสายตากับผมพร้อมส่งยิ้มมุมปากเยาะเย้ย สายตาดุดันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกกลืนกินเข้าไปทั้งร่าง จองซูรู้สึกหวั่นไหวกับสายตาเหล่านั้นเหลือเกิน
“อ๊าาาาาาา”เสียงครางของคยูฮยอนดังขึ้นครั้งสุดท้ายก่อนสายธารสีขุ่นจะถูกฉีดพุ่งออกจากแกนกายสีระเรื่อที่ถูกฮีชอลครอบครองอยู่ ไม่ต่างกับทางด้านฮีชอลที่ฉีดน้ำรักเข้าไปด้านในช่องทางรักคับแคบแล้วถอดถอนออกมาให้เห็นคราบน้ำรักไหลตามออกมาเปรอะไปทั่วต้นขาขาวของคยูฮยอน
ตุบ!’ร่างขาวๆของผู้เป็นน้องถูกผลักลงมาที่หน้าตักจองซูจนเขาเองก็ยังเผลอตกใจ ร่างเล็กที่ดูอ่อนเปลี้ยเนื่องจากกิจกรรมเมื่อครู่ ดวงตาคู่กลมคลอด้วยหยดน้ำใสๆช้อนมองจองซูดูน่าสงสาร
“พี่จองซู .. ผมขอโทษที่ครั้งแรกของผมไม่ใช่พี่”
“ทั้งสองคนน่ะ.เป็นของชั้น จำไว้! ห้ามไปเป็นของใครอีก!”ฮีชอลตวาดเสียงกร้าวขณะเดินเข้ามาใกล้คนทั้งสอง มือหนาบีบคางจองซูแน่นก่อนบดจูบขยี้จูบร้อนให้อย่างไม่ปราณี ในขณะที่มืออีกข้างขยี้ยอดอกสีระเรื่อของร่างที่นอนหมดแรงอยู่
บทรักครั้งแล้วครั้งเล่าดำเนินไปอย่างดิบเถื่อนในห้องเก็บของแคบๆที่ไม่มีใครกล้าย่างกราย จองซูถูกฮีชอลกระแทกกระทั้นไม่ปราณีผ่อนปรนแรงจนเยื่อบางๆช่องทางด้านหลังฉีกขาด ไม่ต่างกับคยูฮยอนที่ต้องนอนด้านใต้รับแรงกระแทกจากจองซูและฮีชอลรวมกัน
ไม่มีคำบอกรักหวานซึ้ง ไม่มีสัมผัสหอมหวานที่แฝงด้วยกลิ่นอายความรัก มีเพียงความดื้อดึงอยากเอาชนะของฮีชอลที่คุกรุ่น ระคนกับความเหงาของคยูฮยอนที่ต้องการถูกเติมเต็ม โดยที่ไม่มีใครสนใจว่าเบื้องหลังนั้นมีตัณหาความกระสันของจองซูซ่อนอยู่
“อาาาาา”



ร่างโปร่งของจองซูกำลังนั่งไขว่ห้างชมแสงจันทร์ที่ระเบียงด้านนอกของห้องนอนนิ่ง นิ้วเรียวสองนิ้วกำลังคีบส่งบุหรี่เข้าปากสบายอารมณ์ นึกย้อนไปถึงความสัมพันธ์คลุมเครือระบุสถานะชัดเจนไม่ได้ทำให้จองซูรู้สึกกระอักกระอ่วน แต่กลับเบนไปทางด้านตรงข้ามเสียด้วยซ้ำ
คนสองคนที่สูงฐานะกลับต้องการตัวคนธรรมดาๆอย่างเขา คนหนึ่งดึงดันอยากเอา ในขณะที่อีกคนอ้อนวอนขอร้องอยากได้ แม้จองซูจะเคยรู้สึกรังเกียจสัมผัสหยาบโลนแต่เมื่อมองลึกเข้าไปข้างในที่ความหมาย จองซูก็รู้สึกรักมันโดยที่ไม่ต้องแปลกใจ

แปลก .. ใช่ .. ทั้งสามคนแปลก ..
ประหลาด .. เหมือนไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาที่มีความต้องการ ..
ฮีชอลไม่ใช่คนอ่อนหวาน เมื่อถูกใจหรือชอบอะไรมักอยากจะครอบครองสิ่งนั้นเอาไว้นานๆ และเพราความหวง จึงทำให้ยิ่งเขารักสิ่งของสิ่งไหนมากเท่าไรเขายิ่งอยากทำลายของชิ้นนั้นมากเท่านั้น อยากบดขยี้จนไม่มีใครอยากแย่งของของเขา ของของเขาคือของของเขา จองซูของเขา และคยูฮยอนก็ของเขา
คยูฮยอนไม่ใช่คนพูดง่าย เมื่อเหงาว้าเหว่ก็มักจะพยายามไขว่คว้าอะไรมาเติมเต็มความต้องการของตัวเอง เมื่อคว้าเอาไว้ได้ก็ไม่อยากจะปล่อยให้สิ่งๆนั้นหลุดลอย จึงยอมใช้ทุกๆอย่างไขว่คว้ารั้งเอาไว้แม้ว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวดจากการกระทำที่เลือกเอาไว้ก็ตาม
จองซู .. บุคคลที่คุณควรเรียกเขาว่า อีทึก เพราะเขาคือคนพิเศษ . พิเศษที่มีความพิเศษน่าลุ่มหลงในกาย คุณหนูเจ้านายของเขาทั้งสองต่างลุ่มหลงในเสน่ห์ของคนคนนี้ ในขณะที่อีกสองคนกำลังยิ้มพอใจที่ตัวเองได้ตอบสนองสิ่งที่ต้องการ จองซูกลับเป็นคนเดียวที่กำลังเหยียดยิ้มสะใจที่ได้เห็นคนสองคนกำลังดูโง่ในสายตา
คิมฮีชอลพึงพอใจที่ได้ครอบครองสิ่งที่ตัวเองรัก
โจคยูฮยอนพึงพอใจที่ได้ถูกเติมเต็มจนหายโดดเดี่ยว
และ..ปาร์คจองซูพึงพอใจทุกครั้งเวลาที่เห็นคนโง่ๆกำลังมีความสุขด้วยร่างกายเขา .

ฮีชอลรักจองซู
คยูฮยอนรักจองซู
แต่จองซู .. ไม่เคยรักใครเลย . สักคน .




2 ความคิดเห็น:

  1. โอยยยยยย งู้ยยยย ตอนแรกก็สงสารพี่จองซูนะ โดนขนาดนี้ ทั้งพ่อทั้งลูก แต่แหมมมม
    อ่านตอนจบแล้ว ตบเข่าฉาดดดดด!!! อิพี่ทึกกกกกกมันร้ายยยค่ะคุณพี่หมี่นนนนน 555
    ชอบค่ะ อ่านแล้วฟินนน ตกลงพี่ทึกเป็นทั้งรุกและรับ ส่วนอิน้องเล็กได้กำไร รับทั้งสองคนงี้
    โอยยยย ฟวากสวดสวากดมากกก เผชชชชค่ะ ชอบบบ ให้ สิบๆๆๆ กับการบรรยายที่ไม่กระตุก
    เรื่องและตัวแสดงเหมาะมากกก ฟินนนนน <3333

    ตอบลบ