[CHAPTER 4] SIN Mark
"เฮ้ออออออ"
ร่างเล็กถอนหายใจยาวพร้อมโยนสมุดเลกเชอร์ในมือลงบนโต๊ะญี่ปุ่นหน้าทีวีอย่างเบื่อหน่าย
เขารู้สึกว่าตัวเองคิดผิดถนัดที่หลงเชื่อคำพูดของซองมินที่บอกว่าเปลี่ยนที่เปลี่ยนทางแล้วจะทำให้เลิกฟุ้งซ่าน
และอ่านหนังสือได้สงบขึ้น ที่แท้มันก็แค่กลลวงง่ายๆที่มาเป็นข้ออ้างให้เขามาค้างที่หอพักเป็นเพื่อนยามที่รูมเมทตัวดีมีธุระต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเท่านั้น
ฮยอกแจที่ใช้เวลากว่าชั่วโมงกับการนั่งเพ่งตัวอักษรขยุกขยิกที่เบียดอันกันในสมุดเล่มบางของตัวเอง
อ่านทวนซ้ำรอบแล้วรอบเล่าก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจหรือจดจำเนื้อหาของมันได้สักนิด
มือบางปิดสมุดเลกเชอร์ลง ล้มเลิกความตั้งใจ ก่อนเอนตัวนอนบนโซฟาขนาดเล็ก
นึกถึงภาพเหตุการณ์ในงานโฮมที่ผ่านไปเมื่ออาทิตย์ก่อนที่มันยังวนเวียนอยู่ในหัวกวนใจจนเขาอ่านอะไรไม่รู้เรื่อง
‘เพี๊ยะ’เรียวมือบางฟาดเข้าที่ใบหน้าหล่อคมจนเกิดเสียงดัง
ดวงตากลมสวยมองร่างตรงหน้านิ่ง แววตาวูบไหว ไหล่บางสั่นน้อยๆ ทั้งตกใจ
ทั้งไม่เข้าใจเหตุผลของร่างสูงที่จู่ๆก็ทำแบบนั้น
"มึงจูบกูทำไม"
"นั่นสิ. ทำไมกูต้องจูบมึงด้วยวะ"ร่างสูงยกยิ้มเยาะ
พร้อมคว้าข้อมือบางข้างที่ตบหน้าเขา ฝ่ามือแกร่งออกแรงบีบแน่นจนคนตัวเล็กหน้าเหยเก
ริมฝีปากหยักบดเบียดมอบจูบร้อนให้อีกครา เรียวลิ้นตวัดไล้เลียไปรอบๆโพรงปากอุ่น
ดูดดุนปลายลิ้นเล็กหนักหน่วง ก่อนจะละออกมาจ้องตาคนตัวเล็กอีกครั้ง
"ที่กูจูบ.. เพราะกูอยากเห็นมึงเจ็บแบบนี้ไงฮยอกแจ
อย่าเข้าใจผิดคิดว่ากูพิศวาสหรือหลงใหลอะไรมึงนะ ร่างกายมึงมันโสมม ไร้ค่าเกินกว่าที่กูจะทำใจรักมึงได้
อย่างมากมึงก็แค่ตัวฆ่าเวลา
ปรนเปรอเวลากูหาซื้อตามข้างถนนไม่ได้"ถ้อยคำร้ายจากร่างสูงบาดใจจนคนตัวเล็กหันหนี
มือบางที่ถูกพันธนาการกำเข้าหากันแน่น
"ทนฟังกูพูดความจริงไม่ได้เหรอฮยอกแจ ถ้ามึงยืนยันว่ามึงเกลียดกู
แล้วมึงจะหันหนีกูแบบนี้ทำไม
ทำไมไม่กล้ามองหน้ากูล่ะ"ร่างสูงทิ้งท้ายไว้พร้อมสลัดมือบางทิ้งไม่ใยดี
ถอยตัวออกห่างจากร่างบาง
มือหนาจัดสูทสีเข้มของตนให้เข้าที่ก่อนจะเดินกลับไปที่จุดนัดพบเดิมเพื่อรอคนรัก
ฮยอกแจมองตามแผ่นหลังของร่างโปร่งไปเงียบๆ หยาดน้ำตาใสๆที่กลั้นเอาไว้ไหลอาบแก้มเนียนเป็นทางยาว
ยกหลังมือขึ้นซับน้ำตาออกมาเบาๆ
กี่ครั้งแล้วที่ฮยอกแจต้องอ่อนแอร้องไห้ง่ายๆให้กับทงเฮแบบนี้
เพียงแค่ทงเฮด่าทอ เพียงแค่ทงเฮเข้ามาแกล้งปั่นหัว
ทั้งๆที่เคยเจอเรื่องแบบนี้หมายหลายต่อหลายครั้ง แต่ทำไมฮยอกแจถึงไม่เคยเข้มแข็ง
กล้าพอที่จะผลักไสทงเฮออกไปไกลจากชีวิตเขาได้กันนะ
เป็นเพราะเขาผูกพันกับทงเฮเกินไป..
หรือเป็นเพราะ ‘พันธนาการ’
กับดักที่ทงเฮสร้างเอาไว้ ผูกไม่ให้เขาตัดใจจากทงเฮได้กันนะ
กูก็แค่อยากรู้...สิ่งที่มึงทำกับกูทุกๆอย่าง...
ทุกครั้งที่มึงบอกไม่ให้กูยุ่งกับคนอื่น ที่เอาแต่ด่า เอาแต่ดูถูกกูเวลากูอยู่กับใคร
เป็นเพราะมึงเริ่มหวั่นไหว เริ่มรู้สึกแบบเดียวกันกับกู..
หรือว่ามึงกลัว ‘ของเล่นฆ่าเวลา’ หายไป
"อ๊ะ...ซะ..ซีวอน"ฮยอกแจหันไปเห็นร่างสูงเดินออกจากห้องน้ำ
คนตัวเล็กก็คิดแผนการเล่นละครเพื่อตอบโต้ทงเฮออก
ร่างบางเอ่ยเรียกร่างแกร่งเสียงหวานพร้อมรีบเดินเข้าไปหา
ปั้นหน้ายิ้มแย้มใส่อีกฝ่ายอย่างเสแสร้ง
มือบางเลื่อนไปคล้องแขนแกร่งอย่างที่ไม่เคยทำ
“หื้มม?”อาการแปลกๆของคนตัวเล็กทำให้ซีวอนเลิกคิ้วมอง
ปกติฮยอกแจไม่ชอบให้เขาสัมผัสตัวสักเท่าไร
จนบางครั้งแค่เขาเข้าใกล้เจ้าตัวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
"อารมณ์ดีแล้วเหรอซีวอน..ป่ะ
ไปหาทงเฮกันนะ"ฮยอกแจยิ้มหวานอ้อนด้วยท่าทางน่ารักๆ
ซีวอนเห็นดังนั้นจึงไม่อยากติดใจสงสัยอะไรให้มากความ
พาคนน่ารักเดินไปหาทงเฮตามคำขอ แขนเรียวยังคงคล้องท่อนแขนของซีวอนไม่ปล่อย
ทงเฮยืนมองร่างทั้งสองไม่วางตา
มองความสนิทสนมของร่างตรงหน้ายิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจ
ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาจำได้ว่านอกจากซองมินแล้ว
ซีวอนเป็นคนแรกที่ฮยอกแจยอมให้เข้าใกล้ได้มากขนาดนี้ ทั้งๆที่การพูดคุย
การแสดงออกในวันอื่น บ่งบอกชัดเจนว่าฮยอกแจไม่ได้รู้สึกอะไรกับซีวอนสักนิด
แต่สิ่งที่แสดงออกวันนี้ดูเหมือนว่าฮยอกแจจงใจจะประชดเขา
"เวลาไปไปแยก แต่เวลามามาเป็นคู่นะ
ไอ้ที่บอกว่าจะไปสงบอารมณ์ในห้องน้ำน่ะ ใช้วิธีไหนเหรอ
ต้องเข้าไปช่วยกันสองคนรึไง"ทงเฮเอ่ยเหยียดๆ ยกยิ้มร้ายมุมปาก
"ขอโทษนะ ผมไม่อยากถือสาอะไรให้มากความ หยุดพูดหมาๆแบบนี้เถอะ
มันไม่ได้ช่วยให้ดูดีสักนิด
มีแต่จะส่งความคิดต่ำๆออกมาทั้งนั้น"ซีวอนเอ่ยเตือนด้วยเสียงเรียบ
มือหนากำเข้าหากัน อารมณ์ร้อนที่พยายามทำให้สงบลงไปเริ่มกลับมาอีกครั้ง
“ความคิดต่ำ? ก่อนจะด่าคนอื่น มองสิ่งที่ตัวเองทำก่อนดีมัย
ผมว่ามันดูต่ำกว่ามากนะ”
“ไม่รู้อะไรก็หุบปากได้ดีกว่านะครับ”ซีวอนเอ่ยเตือน
"ทำไมล่ะทงเฮ.. ที่ดูเป็นเดือดเป็นร้อนแบบนี้ เป็นเพราะ...หวงชั้นงั้นเหรอ?"ฮยอกแจขัดขึ้นพร้อมเลิกคิ้วมองร่างโปร่ง ยกยิ้มมุมปากท้าทาย
พลางขยับกายเบียดกายเข้าใกล้ซีวอนมากกว่าเก่า
"หวง? คิดมากสำคัญตัวผิดไปรึเปล่า
มีเหตุผลอะไรที่จะต้องหวงนายล่ะ"ทงเฮเอ่ยพร้อมแค่นหัวเราะ
"นั่นสิ..ทำไมต้องมาหวงล่ะเนอะ ในเมื่อ...เราไม่ได้เป็นอะไรกัน
ต่างกับฉัน ที่เป็น แฟนซีวอน”ร่างเล็กเน้นหนักคำพูดให้ดังชัดเจน
เอียงคอซบไหล่กว้าง ออดอ้อนอย่างน่ารักน่าชังแบบที่ไม่ค่อยได้เห็น ซีวอนมองอีกร่างข้างกายสลับกับมองสีหน้าของทงเฮ
สิ่งที่รับรู้คือสงครามประสาท การประชดประชันที่เขาถูกดึงเข้าไปเกี่ยวโดยไม่รู้ตัว
“แน่ใจว่าแฟน? ไม่ใช่แค่ควงแขนเอาไว้อวดคนในงานเล่น?”
“แน่สิ ก็เราสองคนเพิ่งตกลงคบกัน”ฮยอกแจว่าพลางยักไหล่น้อยๆ
ยิ่งเห็นแววตาขุ่นเคืองของทงเฮ ก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเองปั่นหัวอีกฝ่ายสำเร็จ
คิดว่าตัวเองจะเที่ยวดูถูกคนอื่นได้ฝ่ายเดียวเหรอไง เจ้าชีวิตก็ไม่ใช่
มีสิทธิอะไรมาบังคับ มากำหนดจิตใจเขากัน
“ก็ขอให้...เสแสร้งรักกันได้นานๆละกันนะ
เป็นคำอวยพร”ร่างโปร่งข่มอารมณ์ร้อนที่มีไว้ภายใน
กดเสียงต่ำเอ่ยบอกคู่รักตรงหน้าพร้อมแค่นยิ้มน้อยๆ
ไม่นานหลังจากนั้นฮีบินก็เดินกลับเข้ามาในวงสนทนา
หญิงสาวยิ้มหวานมองชายทั้งสามสลับกันกัน
สีหน้าเครียดๆพร้อมกับบรรยากาศการสนทนาที่น่าอึดอัดทำให้เธอตัดสินใจเปิดประเด็นชวนคุยเรื่องงานในคณะ
แม้ฮยอกแจจะแสร้งฉีกยิ้ม
คอยเอาอกเอาใจเข้าใกล้ซีวอนโดยไม่มีทีท่ารังเกียจรังงอนสัมผัสจากมือหนาที่โอบเอวบางเอาไว้หลวมๆ
แต่เมื่อไรที่เหลือบไปเห็นฝ่ามือหนาของทงเฮที่คอยโอบกอดเอวคอดของหญิงสาว
ลูบไล้เบาๆตามประสาคนมือไว ร่างเล็กต้องรีบละสายตาหันหนี
รู้สึกเหมือนมีหยดน้ำตาร้อนๆเอ่อคลอที่ดวงตาคู่สวย
นึกถึงสัมผัสหนักหน่วงที่ถูกบดลงมาที่ริมฝีปาก ฟันคมขบกัดจนเป็นแผล ความดุดันที่เกิดจากการประชดประชันอยากเอาชนะ
สงครามประสาทที่ใช้ความรู้สึกของเขาเป็นเครื่องมือ ถึงแม้เขาจะตอกกลับโดยการใช้ซีวอนเป็นเครื่องมือ
แต่ดูเหมือนปฏิกิริยาตอบกลับของทงเฮจะน้อยมากกว่าที่แอบหวังไว้
นั่นเพราะความรู้สึกในใจของทงเฮ มันไม่ได้ผูกพันลึกซึ้งอะไรกับเขาเลยสักนิด
“ฮยอกแจ..”เสียงทุ้มดังขึ้นทำลายความเงียบที่มีมาตลอดทางที่ซีวอนขับรถมาส่งร่างบางที่บ้าน
ตั้งแต่ออกจากงานมาคนตัวเล็กยังไม่ปริปากเอ่ยอะไรสักนิด
สิ่งที่ฮยอกแจแสดงออกเพียงอย่างเดียวคือหยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลอาบแก้มเงียบๆ
เงียบ...จนได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วๆที่บอกว่าคนตัวเล็กยังนั่งอยู่ในเบาะข้างคนขับ
“ถึงบ้านแล้วนะ”
“อืม..ซีวอน..ชั้นขอบคุณนะ”
“หืม?”
“ขอบคุณที่ทำให้ชั้นรู้ว่าประชดไปก็ไม่ได้อะไร”
“....”
“....”
“ก็ขอบคุณเหมือนกันนะฮยอกแจ..ขอบคุณที่ช่วยผม”
“อืม”ฮยอกแจพยักหน้ารับคำก่อนจะเปิดประตูรถออกไป
ซีวอนมองตามแผ่นหลังเล็กเปิดประตูเดินเข้าไปในบ้าน
มองจนมั่นใจว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ก่อนจะออกรถไปจากหน้าบ้านของคนตัวเล็ก
ร่างเล็กเปิดประตูเข้าห้องนอนอย่างเหนื่อยอ่อน
ถอดเสื้อสูทราคาแพงโยนเอาไว้บนเตียงลวกๆ มือนึงปลดเนคไทด์เส้นสวยที่บรรจงผูก
อีกมือก็เลื่อนไปล้วงโทรศัพท์มือถือที่ปิดสั่นปิดเสียงออกจากกระเป๋ากางเกง
ไฟหน้าจอกระพริบถี่บ่งบอกว่ามีสายโทรเข้า
แต่เพราะเบอร์ที่โชว์ขึ้นบนจอทำให้ร่างเล็กลังเลที่จะกดรับ
สายโทรศัพท์ถูกตัดไป ก่อนเมนูแสดงมิสคอลจะปรากฏตัวเล็กทำให้ฮยอกแจตาโต 10 สายมิสคอล และ 3 ข้อความจากหมายเลขเดียวกัน
หมายเลขของคนพิเศษที่ฮยอกแจตั้งใจเซฟเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้รายชื่ออยู่ข้างบนชื่ออื่นที่เมมเป็นภาษาเกาหลี
00.57 ‘ทำไมไม่รับสายกู มึงมั่วกันอยู่เหรอ’
00.45 ‘มึงไม่มีทางเลิกรักกูได้รัก ลีฮยอกแจ’
00.30 ‘มึงเป็นของกู
ไม่ว่าจะเป็นหัวใจหรือร่างกายของมึง’
ฮยอกแจเม้มปากแน่นเมื่อไล่อ่านลงไปถึงข้อความแรกที่ถูกส่งเข้ามา หยาดน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหลตลอดพรั่งพรูออกมามากกว่าเก่า
ร่างเล็กทิ้งตัวนอนซบกับหมอใบโต เสียงสะอึกสะอื้นที่อัดอั้นเอาไว้ ปล่อยโฮเสียงดัง
ระเบิดน้ำตาโดยไม่ต้องอายใครเมื่อได้มีเวลาอยู่คนเดียว
“ฮึก..ฮื้อออ..ทำไม...ทำไม..ทำไมวันนี้ถึงจูบชั้น...ฮึก..นายทำแบบนี้ทำไมทงเฮ...”
...มึงทำแบบนี้ทำไม...ผูกกูไว้กับมึงทำไม ทั้งๆที่ใจมึงก็ไม่เคยมีกู...
ตั้งแต่วันนั้น ฮยอกแจก็เลือกที่จะไปมหาวิทยาลัยให้เช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้
วิชาไหนที่ต้องเรียนกับทงเฮเขาก็ให้ซองมินเข้าไปจดเลกเชอร์แทนเพื่อเลี่ยงจะพบหน้ากับคนที่มีอิทธิพลกับใจเขามากที่สุด
ไม่รู้เหตุผลว่าต้องทำมันไปเพราะอะไร เขาเพียงแค่รู้สึกไม่ดี
แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดจากที่เขาไม่พร้อมจะตอบคำถามอะไรจากทงเฮ
หรือว่าเพราะ...เขากำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่...
“เฮ้อออออ”ฮยอกแจถอนหายใจยาวพลางพลิกตัวไปหยิบสมุดเลกเชอร์กลับมาเปิดอ่านอีกครั้ง
ลุกขึ้นมองนาฬิกาบนผนังก็ถอนใจเสียงดัง
เกินเวลานัดทานข้าวเย็นมาเกือบสามชั่วโมงแล้ว
ดึกป่านนี้ทำไมซองมินยังไม่กลับมาอีกนะ ไปไหนของเขากัน
‘ก๊อก ก๊อก
ก๊อก”เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทำให้ฮยอกแจรีบวิ่งถลาไปเปิดเพราะคิดว่าเจ้าของห้องเป็นคนเคาะ
ร่างบางยิ้มน้อยๆดีอกดีใจที่เขาไม่ต้องทนเหงาคิดอะไรฟุ้งซ่านแล้วนอนร้องไห้แบบที่เป็นมาทั้งวัน
“อ่ะ..มะ..ทงเฮ...”รอยยิ้มบนใบหน้าสวยจางหายไปในทันทีเมื่อเห็นร่างสูงที่ปรากฏตรงหน้า
ใบหน้าหล่อไร้รอยยิ้มแสดงออกถึงความโกรธเกรี้ยว
สายตาคมกริบจ้องมองร่างตรงข้ามนิ่งราวกับต้องการเชือดเฉือนร่างบางให้เกิดบาดแผลด้วยสายตาของตน
“มะ..มาทำไม..อื้ออออออ”ไม่ทันที่ฮยอกแจจะได้ซักไซ้ถามคำถามที่อยากรู้
จุมพิตหนักๆบดขยี้ริมฝีปากอิ่มรุนแรงพร้อมอ้อมกอดแกร่งที่รัดร่างบางไม่ให้ดิ้นหนี
“อื้ออ..อื้ออออ”มือบางทุบอกแกร่งพยายามผลักไส้ร่างโปร่งตรงหน้าให้ออกห่าง
มือหนาข้างหนึ่งรวบข้อมือบางทั้งสองเอาไว้พร้อมออกแรงบีบจนร่างเล็กนิ่วหน้า
สัมผัสจาบจ้วงจากเรียวลิ้นร้อนที่พยายามดุนดันผ่านรอยแยกของริมฝีปากทำให้ฮยอกแจยิ่งเม้มปากแน่นมากขึ้น
พยายามขัดขืนทุกวิถีทางไม่ให้ร่างตรงหน้ารุกรานเขาได้ตามใจชอบ
“มึง..”ร่างสูงละริมฝีปากออกเมื่อความพยายามในการสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็กหมดสิ้น
สายตาคมจ้องตาคู่สวยลึก ข่มขู่ให้ร่างน้อยๆที่กำลังสั่นในอ้อมแขนเขาหยุดขัดขืน
“กู..อึก..ฮึก..มึงทำแบบนี้ทำไม..ฮึก..กูไปทำอะไร...”ฮยอกแจถามกลับเสียงขาดห้วง
ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกที่ลำคอทำให้การเอื้อนเอ่ยคำพูดติดขัดจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“มึงหลบหน้ากูทำไม”ร่างสูงที่มีอารมณ์ร้อนอยู่เดิมที
ยิ่งมาเห็นท่าทางอึกอัก
พร้อมหยดน้ำตาที่คลอหน่วงพร้อมจะไหลของคนตรงหน้าความโมโหยิ่งเพิ่มขึ้นทวี
มือหนาออกแรงบีบข้อมือเล็กมากขึ้น เลื่อนมืออีกข้างที่กอดรัดกายบางขึ้นมาบีบคางมนให้อ้าริมฝีปากออก
อีกครั้งที่เรียวปากหนักทาบทับบดขยี้เรียวปากอิ่มแดงหนักหน่วงรุนแรง
เรียวลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากเล็ก ตวัดกวาดปลายลิ้นสำรวจจาบจ้วงไปทั่ว
ดูดดุนเรียวลิ้นเล็กที่พยายามหลบหนีสัมผัส ตวัดรัดเกี่ยวอย่างช่ำชอง ดูดกลืนลมหายใจและเรี่ยวแรงของฮยอกแจจนร่างเล็กแทบยืนไม่ไหว
เสียงครางประท้วงอ่อนระรวยในลำคอดังขึ้นขัดทำให้ร่างสูงตัดใจละริมฝีปากออกมา
“แฮ่ก..แฮ่ก..กู..ไม่..แฮ่ก..ไม่ได้หลบ..มึง..”ฮยอกแจก้มหน้ามองต่ำ
หอบหนักพยายามกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอด แค่นเสียงเอ่ยถามคำถามที่ค้างคาสั่นพร่า
“มึงโกหก
ตั้งแต่วันนั้นมึงก็ไม่ได้มาเรียนวิชาที่มึงลงกับกู
กูไม่เห็นหน้ามึงเวลาเดินเข้ามหาลัยสักครั้ง
มึงหลบกู...เพราะมึงกลัวว่ากูจะทำอะไรมึงรึไง”ทงเฮเอ่ยเสียงแข็งพลางจ้องใบหน้าหวานตรงหน้าด้วยสาดตาโกรธเคืองราวกับสามารถจะกินเลือดกินเนื้อร่างบางเข้าไปได้
“มะ..ไม่..”ฮยอกแจตอบกลับเสียงแผ่ว ลาดไหล่บางสั่นน้อยๆ
พร้อมกับหยาดน้ำใสๆไหลรินจากดวงตากลมสวย
ฮยอกแจกล้าบอกได้เลยว่าเขากำลังกลัวร่างตรงหน้ามาก
ทั้งสายตาและสีหน้าแบบนี้ของทงเฮ
เขาจำได้ว่าเขาเคยเห็นมันมาแล้วหนึ่งครั้งก่อนหน้านี้..
เขาจำมันได้ดีว่าครั้งนั้นที่ได้เห็นมัน
ร่างกายเขาต้องทนรับความเจ็บปวดร้าวแล่นปราดไปทั่วจนเขาขยับเขยื้อนลุกจากเตียงไม่ได้
ความรุนแรงป่าเถื่อนที่บดขยี้ร่างกายเขาราวกับสิงห์ตระครุบเหยื่อ
บาดแผลร่องรอยที่ยากจะหายถูกฝากฝังไว้บนกายจนทั่ว
“กูเคยบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอ..ว่ามึงเป็นของกู...”
“....”
“ความทรงจำมึงหายไปแล้วเหรอ
มึงจำไม่ได้แล้วใช่มั้ยว่าตอนที่ฮันกยองมันเข้าใกล้มึงแล้วมึงโดนอะไร
แล้วนี่มึงยอมปล่อยให้ซีวอนทำอะไรมึงไปบ้างล่ะ คืนนั้นมันส์มากใช่มั้ย..ห๊ะ!!!”ตวาดเสียงกร้าวพร้อมมือหนาที่บีบไหล่บางทั้งสองแน่น
ร่างเล็กหลับตาลงแน่นพยายามสกัดกลั้นน้ำตา
ไม่อยากจะมองภาพคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ภาพในความทรงจำเมื่อครั้งนานย้อนกลับมาในหัว ฮยอกแจจดจำเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีก่อนได้ไม่มีลืม
เพราะวันนั้นมันเป็นวันสุดท้ายที่เขาได้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนจากเพื่อนสนิท..
..ความผิดที่ไม่ได้เป็นคนสร้าง
แต่กลับต้องรับบทลงโทษ...
...ตราบาปที่ทงเฮเป็นคนสร้าง...
...ไม่ต่างจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้เลยสักนิด...
“กูบอกแล้วว่ามึงเป็นของกู มึงก็ต้องเป็นของกู
มึงไม่มีสิทธิเป็นของใคร ไม่ว่าตัวหรือใจมึง
ต้องเป็นของกู”สิ้นคำพูดใบหน้าคมก็ซุกไซร้ซอกคอขาวพร้อมขบเม้มรุนแรงจนเกิดร่องรอยบ่งบอกความเป็นเจ้าของสีช้ำ
มือหนารูดรั้งดึงเสื้อยืดอยู่บ้านออกจากร่างบาง เรียวลิ้นลากผ่านไปตามแผ่นอกเนียน
เลื่อนริมฝีปากเข้าครอบครองยอดอกสีหวาน ดูดดุนรุนแรงจนคนตัวเล็กครางสะท้าน
มือหนาดันให้ร่างบางชิดกับประตูพร้อมทาบทับกายเข้าหา
“มึงจำไว้..มึงต้องเป็นของกูเท่านั้น”ย้ำอีกครั้งให้คนตัวเล็กที่กำลังสั่นเทาได้ยินชัดเจน
มือบางยกขึ้นปิดกลั้นเสียงอันน่ารังเกียจที่พยายามห้ามไม่ให้อีกฝ่ายได้ยินมัน
ทนกัดฟันรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบนกายทุกส่วนที่เรียวลิ้นลากผ่าน
คมฟันฝากฝังรอยสีแดงช้ำห้อเลือดจนทั่ว
“อึก..มึง..มึงทำแบบนี้ทำไม..ฮึก...กูเจ็บ...อ่าาาาา”
“มึงเจ็บเหรอ..แต่เสียงมึงคราง
ก็ดูเหมือนมึงจะมีความสุขกับมันนะ”ร่างสูงว่าพร้อมกับมือข้างนึงบดขยี้ยอดอกสีหวานที่แดงช้ำเพราะการสัมผัส
อีกข้างก็เลื่อนลงต่ำบีบเคล้นแกนกายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงสามส่วนตัวหลวม
ปลุกเร้าให้อีกฝ่ายโอนอ่อนตามการควบคุมของตน
“กู..อ่า...ทงเฮ..มึง..ออกไป”ฮยอกแจครางลั่นเรียวขาบางสั่นจนแทบประคองกายไม่อยู่
แม้ปากจะเอ่ยห้ามแต่ร่างกายกับปฏิบัติตรงข้าม สะโพกบางแอ่นรับกับมือหนา
เสียงครางแหบพร่าดังจากเรียวปากอิ่มไม่หยุด
“มึงมัน..ร่านสุดยอดเลยว่ะ แค่กูบีบๆเคล้นๆมึงก็ครางขนาดนี้
นี่ถ้ากูใส่ยาให้มึงแดก
ก็คงจะขย่มกูเองสินะ”กระซิบข้างใบหูเล็กงับเบาๆแล้วเป่าลมร้อนเข้าไปด้านใน
มือหนาเร่งปลดกางเกงขาสั้นออกพร้อมรูดรั้งบ๊อกเซอร์ด้านในลง
แกนกายเล็กที่ตั้งชูชันขึ้นสู้มือสร้างความพึงพอใจให้ทงเฮไม่น้อย ฝ่ามือแกร่งขยับรูดรั้งตามความยาว
เรียวนิ้วบีบคลึงส่วนปลายหนักๆแกล้งให้อีกฝ่ายร้องครางวอนขอสัมผัสมากขึ้นเรื่อยๆ
“มึง..
อึก..กู..ให้กูปล่อย..อื้ออ..”เสียงหวานขาดห้วงเมื่อจุดหมายปลายฝันที่กำลังเข้ามาใกล้พังทลายลงเมื่อร่างสูงละมือออก
ดวงตาคู่สวยปริ่มหยาดน้ำตาเงยหน้ามองร่างตรงข้ามด้วยความแปลกใจ
ก่อนจะได้พูดอะไรต่อจูบหนักหน่วงที่ร่างสูงบดเบียดมอบให้ก็ย้อนกลับมาอีกครา
“อ๊าาาาาาาาา”เสียงหวานกรีดร้องลั่นเมื่อเรียวขาขาวถูกประครองยกขึ้นข้างนึง
พร้อมกันกับสิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่ที่เบียดผ่านเข้ามาในกายโดยไม่มีการทำเตรียมพร้อมใดๆล่วงหน้า
มือบางจิกเกร็งลงกับไหล่กว้างแน่น ระบายความเจ็บปวดที่แล่นปราดไปทั้งร่าง
“อา...สุดยอด..ผ่านมาเยอะยังแน่นแบบนี้ ..
อาาา”ร่างสูงครางต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ ขยับสะโพกถอนกายออกมาจนเกือบจุดก่อนกระแทกกลับไปหนักหน่วงรุนแรงในทุกจังหวะเข้าออก
เรียวปากหยักซุกไซร้ไล้เล็มความหวานจากกายบาง ขบเม้มฝังรอยช้ำไว้ทั่วตัวฮยอกแจ
“ฮึก..เฮ...เจ็บ...อ่ะ..อ่ะ..เจ็บบ..”ฮยอกแจครางขอเสียงสั่น
หยาดหยดน้ำตาไหลจากดวงตาคู่แดงก่ำน่าสงสาร ช่องทางรักที่ไม่มีใครเคยมีสิทธิแตะต้องเมื่อถูกรุกล้ำอย่างรุนแรงฉีกขาดจนเลือดสีสดไหลจากปากแผลเป็นทางตามเรียวขาเนียน
“เจ็บ?
มึงรู้จักคำนี้ด้วยเหรอ..ของเล่นมันมีความรู้สึกรึไง? หึ..”
“อ่ะ..กูเจ็บ..อึก..อื้ออ..”
“มึงมันเป็นแค่ของเล่น
กูอยากจะทำอะไรมันก็สิทธิของกู มึงไม่มีสิทธิเถียง”ถ้อยคำเย็นชาพร้อมกับจังหวะขยับสะโพกกระแทกเข้าออกหนักหน่วงรุนแรง
เสียงกรีดครางลั่นจากเรียวปากสีสดบ่งบอกถึงความเจ็บปวดทรมาณที่มีมากกว่าความเสี่ยวซ่านแตกต่างจากอีกฝ่าย
ร่างสูงจับคนตัวเล็กในอ้อมแขนเปลี่ยนท่าโดยไม่สนใจความสมัครใจ
พลิกกายบางให้หันหน้าหากำแพง
ประคองสะโพกให้โก่งโค้งเผยช่องทางรักด้านหลังที่มีแผลฉีกขาด
ไร้ความปราณีใดๆร่างสูงตะบี้ตะบันขยับกายเข้าออกทั้งเร็วและรุนแรง
“มะ..ม่ายย..เจ็บ..ฮื้อออ..ปล่อยกู...ปล่อยกู...”ฮยอกแจครางลั่นขอร้องเสียงพร่าด้วยความทรมาณที่ถาโถมเข้ามาในร่าง
ยิ่งเห็นร่างบางร้องขออย่างทรมาณทงเฮยิ่งเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น
อารมณ์ดิบเถื่อนความต้องการอยากปลดปล่อยเพิ่มขึ้นสูง
มือหนาบีบเคล้นบั้นท้ายกลมกลึงหนัก
“อาาาา”ร่างสูงถอนแกนกายจากช่องทางรักคับแคบจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับลงไปแรงๆอีกสองสามที
ก่อนสะโพกปอดกระตุกเกร็งฉีดพ่นสายธารอุ่นร้อนเข้าไปในร่างบางจนเจ้าของร่างกระตุกวาบ
“อ๊ะ...”ฮยอกแจครางแผ่วเมื่อแกนกายใหญ่ถูกถอนออกจากร่าง
มือหนาที่เคยประคองสะโพกบางละออกห่าง
เป็นผลให้กายบอบบางที่ไร้เรี่ยวแรงลงไปกองทรุดลงกับพื้นดูน่าเวทนา
ทงเฮมองภาพผลงานของตนแล้วยกยิ้มเยาะ
ยิ่งเห็นคนตัวเล็กร้องไห้หนักมากเท่าไร ก็ยิ่งชอบใจที่ได้กลั่นแกล้ง
รู้ทั้งรู้ว่าฮยอกแจรักเขามากแค่ไหน แต่ร่างบางก็ยังดื้อดึงกล้าเถียงเขา
ยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้คนอื่นแถมยังหลบหน้าอีก
...ของของเขา ก็คือของของเขา...
...ไม่มีใครสามารถแย่งลีฮยอกแจไปได้...
...ถึงแม้ว่า ฮยอกแจจะไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้เขาเลยก็ตาม...
“กู..ทำผิดอะไร..ฮึก..”
“มึงผิด..ผิดที่รักกูตั้งแต่ต้น..”
“แล้วมึงก็จำได้ไม่ใช่เหรอ..”
“ว่ากูน่ะ.. ไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องกับของของกู”
“แต่...กูเป็นคน กูไม่ใช่สิ่งของ”
“ใช่..มึงเป็นคน... แต่ก็เป็นคนที่กูมีสิทธิครอบครองไว้คนเดียว..
“มึงเลว..”
“ในสายตากูน่ะ มึงมันเป็นแค่ของเล่นเอาไว้ประดับตู้ให้ดูดี
ก็แค่ตั้งเอาไว้ให้คนรู้ว่ากูมี แต่ไม่มีทางหยิบเอาออกมาอวดให้ใครดู”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น