[CHAPTER 13] POOR (?) KYUHYUN
ร่างโปร่งนั่งมองภาพตนเองในกระจกนิ่ง
ความรู้สึกหลากหลายกำลังตีกันในหัววุ่น
คยูฮยอนยอมรับว่ามันลำบากไม่น้อยที่ต้องมาฝืนใจอยู่ในตำแหน่ง ‘รุ่นน้อง’ ที่ทำหน้าที่ได้เพียง ‘น้องชาย’
ให้กับคนที่รักมากมายขนาดนี้
เขาไม่รู้หรอกว่าจู่ๆทำไมเขาถึงตกหลุมรักแววตาใสๆดูไม่เป็นพิษเป็นภัยของรุ่นพี่คนนี้ได้
จำได้แค่ว่าตอนที่เข้าชมรมครั้งที่สามของเทอม
จู่ๆก็บังเอิญได้นั่งคุยกันเพราะรุ่นพี่ซองมินชวนคุย
ทั้งๆที่วันที่เขามาสมัครเข้าชมรมรุ่นพี่ฮยอกแจจะเป็นคนธรรมดาๆ หน้าตาธรรมดา
ไม่มีอะไรโดดเด่น ออกจะจืดไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับสาวๆที่น่ามองกว่าด้วยซ้ำไป
แต่พอได้ลองคุยก็รู้สึกว่า ‘แปลก’
ฮยอกแจเป็นคนที่น่ารักในแบบที่ไม่เหมือนใคร
.. บางครั้งก็ดูสดใสในแบบอบอุ่นในแบบคนที่โตกว่า บางครั้งก็ดูคล้ายเด็กหัวรั้นช่างอ้อนน่ารักๆ
แต่บางครั้งก็ดูลึกลับจนอดสงสัยไม่ได้ว่าคิดจะทำอะไรกันแน่
และนั่นก็อาจเป็นเสน่ห์ร้ายกาจที่ทำให้คยูฮยอนติดใจและอยากลองค้นหาและรู้จักกับคนคนนี้
ความอยากรู้อยากเห็นทำให้คยูฮยอนพลั้งเผลอตกหลุมรักฮยอกแจจนเกินถอนตัว
มารู้อีกทีก็รักจนยอมทุกอย่าง ไม่ว่าฮยอกแจจะขอหรือไม่ขอ
.. ยอมทิ้งศักดิ์ศรีที่เคยยึดถือ
ยอมทิ้งความหยิ่งทะนงไม่ง้อใครมาคอยอยู่ข้างๆดูแลห่างๆเมื่อมีโอกาส
แค่เศษเสี้ยวความสุขเล็กๆที่มันทำให้เขายอมทุกข์ทรมาณ
หึ..
น่าสมเพชมากใช่ไหมครับ?
ขณะนี้ผมเห็นภาพสะท้อนในกระจกที่ดูน่าสมเพชเสียมากกว่าน่าสงสาร
ใบหน้าซีดขาวเพราะนอนหลับไม่เต็มอิ่มไม่ต่างจากทงเฮ ..
ผมรู้สึกอ่อนเพลียจากการที่ต้องคิดอะไรมากๆจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
บางครั้งบางทีแค่นั่งพูดคุยกับคนรอบข้างยังจับใจความได้ยาก
เพราะมัวแต่พะวักพะวงคิดถึงเรื่องที่ไม่ยอมหลุดออกจากห้วงความคิดเสียที
..อาจจะเรียกได้ว่ามันคือบาป ไปทำอะไรเขาไว้มันก็สนองกลับคืนมา ..
ผมจำได้ดีว่าตั้งแต่ผมรู้จักฮยอกแจ
มีเพียงสามครั้งเท่านั้นที่ฮยอกแจขอร้องผมด้วยสีหน้าเว้าวอน ครั้งแรก
ตอนที่ผมบังเอิญไปรู้แผนของฮยอกแจกับพี่ฮีบินโดยบังเอิญ
เขาขอร้องให้ผมช่วยปิดเป็นความลับ และมีข้อตกลงว่าจะให้ผมล่วงเกินเขามากกว่าการเป็นพี่น้องได้
ผมลังเล.. ผมปฏิเสธข้อตกลงไป
แต่ไม่รู้ว่าทำไมรุ่นพี่ฮยอกแจถึงเป็นฝ่ายเริ่มและพวกเราก็ข้ามเส้นบางๆของคำว่าพี่น้องไป..
ครั้งที่สอง เป็นตอนที่เขาอยากดึงมือผมเข้าไปช่วยในแผน
เขาขอร้องผมให้ผมพาเขาไปที่บ้านพักตากอากาศ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากลืมรุ่นพี่ทงเฮ
ผมเชื่อเขาเสียสนิทใจ .. แต่พอไปถึง ..
ผมก็ได้รู้ว่าเขาแค่ต้องการให้ผมช่วยในแผนการของเขา
รุ่นพี่ฮยอกแจรู้ดีว่าผมต้องปฏิเสธไม่ได้
สุดท้ายผมก็กลายสภาพเป็นหมากในกระดานตัวนึงที่เขาต้องการ
และครั้งสุดท้าย .. ผมคิดว่ามันคงเป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายที่ผมจะยอมทำตาม
เขาขอร้องให้ผมช่วยสร้างเรื่องที่เขาไม่สบายขึ้นมา ปลอมแปลงข้อมูลในโรงพยาบาล
ทำเรื่องเบิกยาวิตามินแล้วจดบันทึกในเอกสารว่าเป็นยารักษาโรคมะเร็ง
เบิกยาหลอนประสาท .. ทำเรื่องผิดกฎหมายหลายข้อเพื่อที่เขาจะได้พอใจ ..
ผมรู้ว่ามันถึงเวลานับถอยหลังของผมแล้ว..นาฬิกาความสุขของผมมันเดินไปไวเหลือเกิน
ผมรู้ดีว่าถ้าหากจบเกมนี้สิ่งที่ต้องโดนทิ้งเป็นอันดับแรกคือผม ..แต่ก็นั่นแหละ
ถึงผมจะรู้ดี แต่ผมก็ไม่อยากขัดใจ ไม่อยากทำให้รุ่นพี่ฮยอกแจไม่พอใจ ..
ก็อย่างที่ว่านั่นล่ะ .. ผมแคร์ความรู้สึกเขามากกว่าตัวเอง
‘แกร๊ก’เสียงไขประตูจากด้านนอกทำให้ผมรู้ว่าใครที่เป็นคนเข้ามา
วันนี้มีแค่ผมคนเดียวที่อยู่ที่บ้าน
คนๆเดียวที่ถือกุญแจบ้านและกุญแจห้องนอนของผมมีเพียงรุ่นพี่คนสนิทอีกคน .. ‘ลีซองมิน’
“คยูฮยอน ตื่นแล้วเหรอ”รุ่นพี่ตัวอวบถามพลางเดินไปนั่งบนเตียงของผม ผมไม่ได้หันกลับไปมองเขาตรงๆ
เพียงแค่มองผ่านเงาที่สะท้อนในกระจก ซองมินใส่เสื้อสีเทาแบบที่ผมเห็นบ่อยๆ
ในมือกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่นไม่เปลี่ยน
“วันนี้มาเร็วจัง”ผมพูดกับเขาด้วยภาษากันเองไม่ได้ยกย่องอย่างที่ควรจะเป็นแบบที่คุยกับรุ่นพี่คนอื่นๆอย่างรุ่นพี่ฮยอกแจหรือรุ่นพี่ทงเฮ
ซองมินตวัดสายตาไม่พอใจหันมองผมแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหนี
ผมรู้ว่าเขาไม่ชอบใจเท่าไรนัก แต่ผมก็ไม่คิดสนใจหรอก
“เร็วเหรอ ปกตินะ”
“นอนไม่หลับเหรอไง?”
“ไม่ต้องทำเป็นรู้เรื่องผมเยอะได้ไหม”ผมพูดเสียงเข้มใส่ซองมินอย่างที่ชอบทำ
ผมไม่ชอบให้เขามายุ่งย่ามวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวผมมากสักเท่าไร .. อย่างมากก็แค่เป็นคู่นอนให้ก็น่าจะพอแล้ว
..
“เครียดอะไรอยู่รึไง?”ซองมินไม่มีท่าทีสนใจน้ำเสียงผมซ้ำยังสวนคำถามกลับทำให้ผมหันกลับไปมองหน้าเขาตรงๆ
“บอกแล้วไงว่าอย่ายุ่งมาก”
“เย็นชาจังน้า.. ทำไมกับฮยอกแจไม่เห็นเป็นแบบนี้”
“แล้วนายเป็นใคร ทำไมฉันต้องอ่อนโยนกับนาย”ผมตอบกลับเสียงเรียบ
แต่สิ่งที่เรียบเฉยกว่าคงเป็นสีหน้าของซองมิน
ผมรู้ว่าถ้าคุณรู้ความสัมพันธ์ของผมกับซองมินแล้วมันอาจจะทำให้คุณขยะแขยงในตัวผม
แต่ผมก็ไม่อายที่จะเปิดเผยให้พวกคุณฟัง
เรื่องมันเริ่มต้นง่ายๆเหมือนนิยายละครน้ำเน่าทั่วไปรักหลายเศร้าที่ตอนจบมีแต่น้ำตา
ทุกคนพยายามไขว่คว้าหาความรักนั่นล่ะ .. ซองมินแอบชอบผม แต่ผมรักรุ่นพี่ฮยอกแจ
และรุ่นพี่เขาไม่สนผมเพราะเขากำลังเดินตามใครอีกคนที่ผมรู้สึกเกลียดนั่นคือรุ่นพี่ทงเฮ
ในขณะที่รุ่นพี่ทงเฮก็มีพี่ฮีบิน
วันแรกที่ผมรู้จักกับรุ่นพี่ฮยอกแจ ซองมินเป็นคนมาชวนผมคุยก่อน
เขาพยายามเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตผม พยายามเข้ามาพูดคุย
ผมรู้สึกอึดอัดกับท่าทีของเขาเพราะผมมองออกตั้งแต่แรกว่าซองมินรู้สึกยังไง
แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหูทวนลมไปเรื่อยๆ
จนวันหนึ่งที่ผมคิดว่าผมไม่มีอะไรที่จะเอาชนะรุ่นพี่ทงเฮได้
ผมจึงตัดสินใจขอร้องให้ซองมินช่วยผม
ผมจำสีหน้าตื่นๆของซองมินได้ดี ถึงพยายามจะกลบเกลื่อนเหมือนไม่มีอะไร
แต่ผมก็รู้ว่าเขากำลังเจ็บ
แต่แปลกนะที่ผมเห็นเขาก้มหน้าห่อไหล่เหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
ผมยังไม่มีความรู้สึกอยากจะเข้าไปปลอบประโลม กลับยังรู้สึกสะใจด้วยซ้ำ
ผมอาจจะเป็นพวกซาดิสถ์ หรือโรคจิตอะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง ที่อยากให้ใครสักคนเข้าใจถึงความเจ็บปวดจากความรักแบบที่ผมได้รับ
ซองมินตกลงช่วยผมทันทีและนั่นมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของวังวนอันน่าเวทนา
ซองมินพยายามช่วยให้ผมได้เข้าใกล้รุ่นพี่ฮยอกแจทุกอย่าง ชวนนั่นชวนนี่
ดันให้ผมเข้าไปอยู่ในวงร่วมทุกๆครั้งที่สามารถ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับรุ่นพี่ฮยอกแจก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น
แล้วพอถึงวันงานโฮม ผมเห็นรุ่นพี่ฮยอกแจกับรุ่นพี่ทงเฮจูบกันที่งานเต็มๆสองตา
ผมจึงเดินไปกระดกไวน์แก้วแล้วแก้วเล่าเผื่อว่าอาการร้อนใจและเสียใจของผมมันบรรเทา
แล้วซองมินก็เดินมาชวนผมไปดื่มต่อข้างนอก และคุณก็คงจะเดาออกใช่ไหมว่าผู้ชายคนนึงที่กำลังเสียใจ
กับอีกคนที่รู้สึกดีๆกับผู้ชายคนนั้น
พอเหล้าเมาได้ที่ทุกอย่างก็ไปจบที่โรงแรมม่านรูดเกรดต่ำแถวๆนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับซองมินเริ่มโสมมมากขึ้นทุกที พอมันมีครั้งแรก
เหล้าเข้าปากอีกก็มีครั้งที่สอง สาม สี่ ต่อมาเรื่อยๆ จนหลังๆแค่ผมหงุดหงิดนิดๆหน่อยๆซองมินก็กลายเป็นที่ระบายของผมไป
แล้วตอนนี้ผมพยายามเลี่ยงไม่อยากเจอหน้ารุ่นพี่ฮยอกแจเพราะผมยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมร่วมมือกับเขา
มันทำให้ผมหงุดหงิดมาก ทั้งอยากเจอเพราะคิดถึงแต่ก็ไม่อยากเจอ
ความรู้สึกมันตีกันในหัว แล้วสุดท้ายผมก็ต้องโทรเรียกซองมินมาที่บ้านทุกวันจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา
“คยูฮยอน..พี่ว่าเราควรหยุดไหม?”จู่ๆซองมินก็ถามขึ้นบนโต๊ะอาหารเช้าที่เขามีหน้าที่ต้องเตรียมให้ผมทานแทนแม่บ้าน
“อะไรกัน นายจะมาพูดอะไรเอาป่านนี้
ไม่ช้าไปหน่อยเหรอ”ผมถามพลางตักซุปข้าวโพดในถ้วยเข้าปาก รสชาติของมันไม่ได้แย่แต่ก็ถือว่าไม่ถูกปากผมเท่าไรนัก
“หวานไปหน่อยนะ”
“แล้วทำไมไม่ให้แม่บ้านนายกินซะล่ะ มาใช้พี่ทำไม”
“นายก็เต็มใจไม่ใช่รึไง?”ผมพูดพลางดันถ้วยซุปไปด้านซองมิน
แล้วหันมายกกาแฟขึ้นดื่มแทน
“เพราะนายสั่งต่างหาก”ร่างตรงข้ามหยิบช้อนขึ้นชิมซุปในถ้วยก่อนจะทำหน้าเหมือนว่าระบบลิ้นรสของผมนั้นผิดแล้วตักซุปคำที่สองเข้าปาก
“ชอบกินอาหารต่อจากคนอื่นรึไงน่ะ”
“บ้านฉันก็ไม่ได้รวยขนาดกินทิ้งกินขว้างได้แบบนายนี่
ความคิดเรามันต่างกันนะคยูฮยอน”
“ก็เหมือนความรู้สึกของพี่กับผมรึเปล่า”ผมจงใจเรียกเขาว่าพี่พร้อมเลื่อนมือไปจับคางให้เขามองหน้าผมตรงๆ
“หมายความว่าไง?”
“ที่ฉันมีเซ็กส์กับนายเพราะผมแค่อยากระบาย
แต่นายมีเซ็กส์กับฉันเพราะรักไม่ใช่เหรอไง”
“นั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พี่อยากหยุด”
“แน่ใจเหรอว่าอยาก.. นายไม่อยากอยู่ใกล้ๆผมแล้วเหรอไง?”
“นั่นมันก็เรื่องของพี่”
“งั้นถามอีกอย่าง.. คิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้นายไปเหรอ?”
“นายจะหยุดไม่หยุดพี่ไม่รู้ แต่พี่เบื่อเต็มทนแล้ว
พี่จะไม่มาหานายอีก”
“กุญแจหอนาย คิดว่าฉันไม่มีเหรอ?”
“พี่จะย้ายหอ”
“หึ... คิดว่าการจับนายมาทำ จะยากขนาดนั้นเชียวจะอินดอร์เอ้าดอร์ก็เคยมาหมดแล้ว
ดีไม่ดีฉันรู้จักร่ากายนายดีกว่าตัวนายอีกนะ”ผมขยับเข้าใกล้ซองมิน
เขาดูสั่นน้อยๆแต่ผมไม่คิดสนใจ ลากมือไปตามลำคอของเขา
แล้วปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกออก
“เฮ้ย! จะทำอะไร”ซองมินปัดมือผมออก
ผมจึงกดตัวอีกคนให้นอนลงกับโต๊ะอาหาร ผมมองเขายิ้มๆ
สีหน้าและแววตาของเขาเหมือนเหยื่อที่กำลังหวาดกลัวการรุกราน
ผมจำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นเขาโวยวายอะไร
แล้วดิ้นหนีผมแรงแค่ไหน เพราะสุดท้ายผมก็จับซองมินถอดเสื้อผ้า ฟัดกัด ขบเม้ม
กลืนกินเขาเหมือนอย่างที่เคยทำ ครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วก็ไปจบลงที่เตียงอีกครา
หลังจากที่ผมถอนตัวออกจากเขา ผมเห็นน้ำตาของเขา ซองมินไม่ได้พูดอะไร
ไม่ได้ขอร้องอะไร เพียงเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงแล้วพลิกตัวหนีไป
ผมเหยียดยิ้มน้อยๆเมื่อรู้สึกพึงพอใจที่ได้ระบายอารมณ์อึดอัดงุ่นง่านที่เกิดขึ้น
‘อึดอัด..’
ผมพยายามข่มตานอนเพราะผมใช้แรงกับกิจกรรมร้อนแรงที่เพิ่งสิ้นสุดลง
แต่เหมือนยิ่งพยายามข่มเท่าไรก็ยิ่งตาสว่างมากขึ้นเท่านั้น
ผมรับรู้ถึงแรงสะอื้นน้อยๆของคนที่นอนข้างๆ
แต่สิ่งที่ผมกำลังไตร่ตรองอยู่ในหัวกลับไม่เรื่องของซองมิน
แต่เป็นเรื่องของใครอีกคนที่ไม่เคยหลุดออกจากหัวผมต่างหาก
.. นี่มันใช่ความสุขจริงๆน่ะเหรอ ..
อาจเป็นครั้งที่ร้อยที่ผมถามตัวเองแบบนี้
แต่ผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักนิด
รอยยิ้มที่ผมเหยียดตรงมุมปากไม่ได้หมายความว่าข้างในผมรู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย
ทั้งๆที่ระบายความใคร่ทางกายได้ แต่ความใคร่อยากครอบครองที่เกาะกุมในใจไม่เคยระบายได้เลย
..
อยากครอบครองรุ่นพี่ฮยอกแจมากแค่ไหน ..
อยากโอบกอดร่างนั้นเอาไว้แน่นๆ ..
อยากเป็นคนที่รุ่นพี่ฮยอกแจพูดว่ารัก ..
แต่มันก็เป็นได้แค่ความอยาก ..
บอกตัวเองเท่าไร ..ไม่เคยหายอยากสักที ..
และเพราะความอยากนี้ล่ะมั้งที่ทำให้พันธนาการรัดรึงตัวผมจนหน้ามืดตามัว
.. แม้จะต้องฆ่าคน แม้จะต้องทำชั่ว ผมก็อยากจะทำหากได้ครอบครอง..
ความสุขที่ได้ครอบครอง.. แม้เวลาสั้น ๆ..
มันเรียกว่าความสุขจริงๆรึเปล่านะ? ..
การได้ข่มเหงซองมิน .. มันคือความสุขจริงๆใช่ไหมนะ ? ..
..ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ..
“ทงเฮอา..ชั้นกลับมาแล้ว
นายลงไปนั่งกองตรงนั้นทำไม”ร่างเล็กที่เดินเข้าไปด้านในคอนโดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนพร้อมถลาเข้าไปกอดร่างสูงที่นั่งคู้ตัวอยู่ข้างเตียง
“ฮยอกแจ..ฮึก..ฮยอกแจ..จริงๆใช่ไหม”น้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับเรียวแขนแกร่งที่วาดโอบรอบเอวบาง
ใบหน้าคมฝังลงกับลาดไหล่เล็ก
รู้สึกชื้นใจที่ไม่ได้เห็นสีหน้าบูดบึ้งถมึงทึงของฮยอกแจ .. เขาคิดมากไปเองใช่ไหม
..
“จริงสิ ฮยอกแจอยู่นี้แล้ว
ทงเฮเป็นอะไร”น้ำเสียงอ่อนหวานของฮยอกแจทำให้ทงเฮอดระบายยิ้มทั้งน้ำตาไม่ได้
แม้กำลังรู้สึกเศร้าแต่แค่ได้ยินเสียง ได้รับรู้ว่าฮยอกแจยังหายใจ
ไม่ได้ทิ้งเขาไปไหนมันก็เป็นสิ่งที่มีค้าสำหรับเขาแล้ว
“ฮยอกแจ..รักฮยอกแจนะ.. รักมาก..อย่าทิ้งกันไปไหนอีกนะ
อย่าไปไหนไกลๆอีก ไม่เอาแล้ว ไม่ให้ฮยอกแจไปซื้อของคนเดียวแล้ว
ไม่ให้อยู่ห่างตัวเลย”ทงเฮอ้อนวอนคล้ายกับเด็กเล็กๆที่กำลังอ้อนแม่ เสียงสั่นเครือเพราะแรงสะอื้นทำให้ฮยอกแจยิ้มมุมปาก
“ฮยอกแจก็รักทงเฮเหมือนกัน..รักมากๆนะ
จะไม่ไปไหนหรอกนะ
ไม่เอาแล้วอย่าร้องไห้นะ”มือเรียวลูบไล้แผ่นหลังไปมาปลอบประโลมให้ร่างสูงที่กำลังอ่อนแอสงบลง
“อื้อ..ไม่ไปไหน..ฮึก..อย่าไปไหนนะ”
“อื้อ ^^”
“ฮยอกแจ..ฮึก..อยู่ไม่ได้หรอกนะ..ถ้าไม่มีนาย..อึก..ถ้าไม่รักกัน
ผมอยู่ไม่ได้หรอก..จริงๆนะ”ทงเฮพูดออกมาอย่างที่คิด
มือหนากระชับกอดร่างเล็กแน่นขึ้น แม้แรงสะอื้นจะลดลงบ้างแล้ว
แต่ความอึดอัดที่หน่วงอยู่ในใจยังหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ได้
“อื้ม..รู้แล้ว หยุดร้องไห้ได้แล้วทงเฮ เดี๋ยวไม่หล่อนะ”
“ฮยอกแจ..ฮึก..”
“หื้ม? ว่าไง?”
“อยู่ด้วยกัน .. ตลอดไป ..จนกว่าจะตายจากกันไปข้างนะ”
“ได้สิ .. สัญญาจะอยู่ด้วยกันนานๆเลย”
ในขณะที่เอ่ยคำสัญญาฮยอกแจก็นึกอยากจะสำรอกออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
คำขอร้องชวนคลื่นเหียนเวียนไส้นั้นคงมีแต่ในนิยาย .. ตลอดไปอย่างนั้นเหรอ?
มันมีด้วยเหรอคำๆนี้ ? ตั้งแต่เขาเกิดมายังไม่เคยเห็นใครจะรักกัน ตลอดไป ได้สักคน
มีแต่เพียงรักกันจนวัน ตาย หรือไม่ก็ ตายจากกันไปข้างแบบที่ร่างตรงหน้าเพิ่งพูด
...นั่นสินะ ตายจากกันไปข้าง..
ฮยอกแจทำตามสัญญาได้แน่นอนทงเฮ.. รักกันจนกว่าจะตายจากกันไป
..
หากทงเฮฉลากกว่านี้อีกนิด
หากทงเฮไม่โง่เขลาเกินไปก็น่าจะเงยหน้าขึ้นมามองทั้งสีหน้าและสายตาของฮยอกแจตอนนี้
.. แล้วทงเฮจะพบว่าฮยอกแจคนที่อ่อนหวาน อ่อนโยน ยอมเสียสละให้ผู้ชายที่ชื่อ ‘ลี ทงเฮ’ มันหายไปแล้ว เหลือแค่เพียง ซาตานที่พร้อมปลิดชีพลีทงเฮเพื่อคิมคิบอมทุกเมื่อ
“รักฮยอกแจมาก..จริงๆนะ”ทงเฮเอ่ยพร้อมคลายอ้อมกอดจากร่างเล็ก
ใบหน้าหล่อมองใบหน้าหวานตรงๆ
สายตาแน่วแน่ที่บ่งบอกว่าสิ่งที่พูดคือความจริงทำให้ฮยอกแจยกมือขึ้นไปเช็ดคราบน้ำตาจากใบหน้าคม
ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไรที่เรียวปากของทงเฮประกบบนเรียวปากอิ่มสีสด
สัมผัสแผ่วเบาทว่าทำให้ใจของทงเฮรู้สึกอบอุ่นได้อย่างน่าประหลาด
ไม่มีการรุกล้ำอย่างที่เคยทำ ไม่ได้กอดก่ายปลดเปลื้องอาภรณ์อย่างที่คุ้นชิน
มีเพียงฝ่ามือที่สอดประสานกันพร้อมกับเรียวปากที่บดเบียดกันภายนอก
เอียงคอปรับองศาให้หายใจสะดวกก่อนจะบดเบียดเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า
คนนึงที่กำลังอ่อนล้า หวาดกลัว และโหยหาความรัก ความจริงใจ
กับอีกคนที่กำลังเหยียดยิ้ม เพราะคิดว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งของผู้ชนะ
โดยไม่รู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าตนยังจะเป็นผู้ชนะอยู่หรือไม่
อาจเรียกว่าหวั่นไหวก็คงได้ ..
แต่ฮยอกแจก็ยังยืนยันในความคิดที่มีมาตั้งแต่ต้นว่าความหวั่นไหวมันเป็นเพียงเกม
สิ่งที่ต้องยึดมั่นเอาไว้ให้ดีคือการแก้แค้น .. แต่เขาจะยึดมันไว้ได้นานแค่ไหน .. ไม่มีใครรู้
ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้น ..
ฮยอกแจตอบไม่ได้สักนิดว่ามันคืออะไร? ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น