[CHAPTER 12] POISON
ยาเสพติด.. และ..ยาพิษ
สิ่งไหนที่มันมีพิษร้ายแรงมากกว่ากันงั้นหรือ?
แล้วถ้าหาก ..
เป็นพิษของคำโกหกที่เสพติดจนขาดไม่ได้ ..
มันจะร้ายแรงขนาดไหนงั้นหรือ?
ทงเฮเข้าใจและรู้ซึ้งดีกับพิษร้ายของยาพิษอันตรายที่ว่านี้ นอกจากมันจะมีฤทธิ์กัดกร่อนสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่สัมผัสจนทุรนทุราย
มันยังมีฤทธิ์ที่ทำให้เสพติดชนิดที่ “ขาดไม่ได้”
ถึงจะเจ็บแค่ไหน .. ก็ขาดไม่ได้ .. ถึงจะทรมาณ..
ก็หยุดไว้ไม่ได้แล้ว ...ลีทงเฮ ตกหลุมรัก ลีฮยอกแจจนถอยกลับไปอีกไม่ได้แล้ว ..
“ฮยอกแจ..บอกได้ไหมว่ามันคืออะไร..
ทุกอย่างมันหมายความว่ายังไง”ทงเฮที่ทรุดตัวนั่งอยู่ข้างเตียงพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วคล้ายคนไร้สติ
ทั้งๆที่หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มแต่ทงเฮกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด .. มันอึดอัด
มันคลางแคลงใจ .. คล้ายว่าทุกอย่างมันหยุด .. มันชาจนไม่รับรู้อะไรได้แล้ว
“มันไม่จริงใช่ไหม .. สิ่งที่ชั้นคิดมันเป็นแค่การเข้าใจผิด
หรือเป็นแค่อดีตใช่ไหม
ฮยอกแจ..มันไม่ใช่ใช่ไหม”ทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยล้วนหลุดจากเรียวปากแห้งผากแม้สมองยังไม่ได้ประมวลสั่งงานรับรู้ความหมายของถ้อยคำเหล่านั้น
‘คนใกล้บ้า’คงเป็นคำที่อธิบายอาการของทงเฮได้ดีที่สุดในเวลานี้
สติไม่รับรู้สิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
สิ่งที่อยู่ภายนอกคอนโดจะเปลี่ยนไปอย่างไร ทงเฮไม่รับรู้มันเลยสักนิด
ภาพเหตุการณ์วันเก่าๆทั้งที่เพิ่งเกิดหรือเกิดขึ้นมานานย้อนกลับมาทำร้ายทงเฮอย่างแสนสาหัส
ภาพลวงตาที่ฮยอกแจสร้างขึ้น
ความหลอกลวงที่ฮยอกแจปั้นแต่งให้เขาเชื่อเสียสนิทใจว่าฮยอกแจรักเขา ..
ทุกสิ่งอย่างมันก็เป็นเพียงแค่ ‘ภาพมายา’
ที่สร้างขึ้น .. อย่างนั้นเหรอ?
เหตุผลที่ทงเฮทำเลวกับฮยอกแจตอนนั้น ..ก็เพราะโมโห .. ก็เพราะหึง .. ก็เพราะต้องการมั่นใจว่าฮยอกแจรักเขาจริงหรือไม่
แล้วถ้าไม่ได้รัก ทำไมถึงยอมให้เขาตัดพ้อต่อว่าต่างๆนานาด้วยคำต่ำๆแบบนั้น
ทงเฮยอมทำตัว’เลว’เพื่อจะวัดใจ
จนทุกวันนี้...ทงเฮยอมทุกอย่างแล้ว
ยอมจะทำเลวทำดีทำอะไรก็ได้ขอแค่ให้ฮยอกแจกลับมาเจอหน้าแล้วพูดว่าเรื่องที่เขาคิดไปเองมันเป็นเพียงแค่จินตการเพ้อฝัน
เพียงแค่เขามโนไปเอง ขอได้ไหม .. ขอให้เป็นแบบนั้นได้ไหม ..
“ฮึกก..”เสียงสะอื้นแผ่วในลำคอดังแผ่ว
มือหนาที่สั่นเทาหยิบรูปภาพจากพื้นขึ้นมาดูอีกครา ..
ลีฮยอกแจ รัก คิมคิบอมอย่างนั้นหรือ?
ลีฮยอกแจ ต้องการแก้แค้นที่เขาทำให้คิมคิบอมเสียใจงั้นหรือ?
ลีฮยอกแจ ต้องการให้เขาตาย .. เหมือนที่คิบอมอย่างนั้นใช่ไหม ..
คล้ายภาพหลอนที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
ม่านน้ำตาที่บดบังวิสัยทัศน์ทำให้ภาพที่เห็นเลือนรางแต่ลีทงเฮกำลังเห็น ..
คิมคิบอมที่ยืนอยู่ตรงหน้าและร้องไห้ไปพร้อมๆกับเขา .. ภาพหลอน หรือ เรื่องจริง?
คิมคิบอมตายไปแล้วไม่ใช่หรือ ..
สัมผัสแผ่วเบาบริเวณหัวไหล่
พร้อมกับเสียงกระซิบที่แสนเลือนราง ลีทงเฮรับรู้มันได้ดี คำพูดเพียงไม่กี่คำ
เพียงแค่ลมแผ่วเบาแต่ทำให้เขาหนาวจนจับใจ ‘ชั้นขอโทษ .. แต่ฉันไม่รู้เรื่อง’
“ไม่เป็นไรคิบอม.. ฉันสิต้องขอโทษ..”ลีทงเฮตอบรับทั้งน้ำตา เหนื่อยเหลือเกิน
ทำไมเขารู้สึกทรมาณราวกับร่างกายไร้เรี่ยวแรงแบบนี้ ทำไมมันอ่อนเพลีย
มันเหนื่อยล้าแบบนี้กัน ..
มึนงง..สับสน..
สับสนจัง
"คุณครับ..ขยับตัวไหวไหมครับ"ฮยอกแจหยีตามองชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมประครองหลังเขาแล้วใช้สำลีชุบแอมโมเนียกลิ่นแปร่งๆให้ดม
"อื้ม
ไหวครับ"ฮยอกแจตอบเสียงแผ่วพลางกวาดสายตามองไปรอบๆและหาสัมภาระของตัวเอง
นี่มันรถใครแล้วจอดอยู่ที่ไหนกันนะ
"คุณก็ข้ามถนนแล้วจู่ๆเป็นลมล้มลงไปตรงหน้ารถผมน่ะ"ชายแปลกหน้าเดาท่าทางสงสัยของฮยอกแจออกจึงเอ่ยขึ้นทำให้ฮยอกแจพยักหน้ารับเงียบๆ
มือบางยกขึ้นนวดขมับไล่ความเหนื่อยล้า
"คุณไม่ได้ทานข้าวหลายวันรึเปล่าครับ"
"คุณรู้ได้ไง?"ฮยอกแจมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย จากการแต่งตัวของคนตรงหน้าไม่ได้มีท่าทางว่าจะเป็นหมอหรือแพทย์อะไรเทือกๆนั้นเลยสักนิด
“ผมเป็นหมอน่ะครับ เลยพอเดาอาการง่ายๆออก”
“อ่อครับ ตอนนี้ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เดี๋ยว..
ผมขอตัวก่อนได้ไหมครับ”ฮยอกแจรีบออกตัวเมื่อเห็นว่าบทสนทนาที่มีเริ่มเยิ่นเย้อ
จากที่มองแล้วบริเวณที่รถจอดอยู่ก็ไม่ได้ไกลจากคอนโดของทงเฮเท่าไรนัก
คงไม่ต้องรบกวนให้คนแปลกหน้าตรงหน้าไปส่งหรืออะไรให้ยุ่งยากนักหรอก
ก็แค่อาการหน้ามืดเพราะไม่ได้กินข้าวติดต่อกันหลายวัน
บวกกับอากาศเย็นๆนี่เองก็เท่านั้น เขาไม่ได้ป่วยเป็นโรคใกล้ตาย
ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดแบบที่ทงเฮคิดซักหน่อยนี่
"อดอาหารเพื่อลดน้ำหนักเหรอครับ
มันไม่ดีเลยนะ”คนแปลกหน้ายังคงพูดต่อ
“ผมไม่ได้ลดน้ำหนักครับ”ฮยอกแจตอบพลางเลื่อนมือไปเปิดประตูรถออก
“คุณเอาของของผมไปไว้ไหนครับ?”
“ผมคิม จองโม
ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”ไม่ตอบคำถามกลับแนะนำตัวแทน
นั่นยิ่งทำให้ฮยอกแจขมวดคิ้วมองหน้าคนแปลกหน้าด้วยความสงสัย
ต้องการอะไรจากเขารึเปล่าน่ะ?
“ผมไม่อยากรู้จักกับคนแปลกหน้าเท่าไรครับ
ขอโทษนะครับ”ฮยอกแจพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมพยายามไม่ให้ดูเสียมารยาท
แต่ดูท่าทางว่าชายแปลกหน้าจะไม่ยอมแพ้
“ก็หลังจากนี้เราก็ไม่ต้องเป็นคนแปลกหน้ากันแล้วไงครับ..คุณ
..”
“ผมจะกลับบ้านแล้วครับ”
“คุณลี ฮยอกแจ ..
คนไข้ที่เจ้าคยูฮยอนอ้างอิงชื่อว่าไม่สบายเป็นโรคมะเร็งระยะที่สาม
มักใช้เหตุผลแปลกๆในการเบิกยานอนหลับและยากล่อมประสาทที่ใช้กับผู้ป่วยทางจิตไป
โดยที่ไม่มีใครคัดค้านได้”น้ำเสียงทุ้มนุ่มทว่าน่าเกรงขามของคนตรงหน้าทำให้ฮยอกแจเบิกตามองด้วยความตกใจ
คนตรงหน้าเป็นใครกัน .. ทำไมถึงรู้เรื่องนี้ได้
..
ร่างตรงหน้ามองฮยอกแจตอบพร้อมยักไหล่เบาๆคล้ายเป็นเรื่องขำขัน
ฮยอกแจไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการจะสื่อ
แต่รู้ว่าที่แน่ๆคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่น่าไว้ใจแน่นอน
“คุณเป็นใครน่ะ ทำไมรู้เรื่องราวพวกนี้?”
“โจ คยูฮยอนไม่เคยเล่าให้คุณฟังเหรอครับ? ว่า ‘ยา’ ที่คุณเรียกให้เขาเอาไปให้อยู่เป็นประจำน่ะ มันมาจากไหน”
“คุณ?”
“ครับ.. ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของคยูฮยอน และวันนี้เขาโทรมาบอกผมว่าเขาไม่ว่างเอาของที่คุณต้องการมาให้
เลยให้ผมเอามาให้คุณแทน”เอ่ยพลางหยิบถุงพลาสติกสีขาวขนาดเล็กจากช่องเก็บของที่อยู่ด้านหน้าฮยอกแจ
ฮยอกแจเหลือบมองมันเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าฝ่ายตรงข้ามอีกครา
“อ่อ.. คุณเลยแสร้งทำเป็นพลเมืองดีที่กำลังจะขับรถชนผม
แล้วก็ทำตัวเป็นคนดีรับผิดชอบด้วยการพาผมขึ้นรถมาคุย? เหอะ’ แผนสูงเหมือนกันทั้งตระกูลสินะ”ฮยอกแจเหยียดยิ้มเย้ยหยัน
ปลายนิ้วเรียวลากบนลาดไหล่กว้างของจองโมช้าๆ
“ถึงผมจะแผนสูง แต่คุณก็น่าจะสูงกว่าหลายเท่านะ
ลีฮยอกแจ”มือหนาคว้ามือเรียวบางเอาไว้ พร้อมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเล็ก
สบตากับดวงตาคู่สวยนิ่ง
เพียงได้มองตาตรงๆฮยอกแจก็รู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนอันตรายธรรมดาๆ
แต่เป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงไม่แพ้กับตัวเอง.. ก็อย่างว่าล่ะ ผีก็ย่อมเห็นผีด้วยกัน
“ผมน่ะเหรอแผนสูง?”
“อ้อ .. จะว่าแผนสูงก็ไม่ได้สิ มันต้องเรียกว่า’มารยา’ ถึงจะถูกใช่ไหม? วิธีการจัดการเหยื่อ
โดยใช้ความรักความน่าสงสารน่ะ”
“คยูฮยอนเล่าให้นายฟังจนหมด?”
“ก็ไม่เชิงหมดซะทีเดียวหรอก
แต่การจะปลอมข้อมูลคนไข้พร้อมกับเบิกยาอันตรายแบบนั้น
มันก็ต้องมีเหตุผลมาชี้แจงบ้าง ไม่ใช่รึไง?”
“ถ้างั้นก็รู้แค่เท่าที่รู้
อย่ามาพยายามขุดคุ้ยเรื่องราวของผมมากไปกว่านี้”ฮยอกแจเอ่ยเสียงเรียบ
ยิ่งอยู่ใกล้จองโมเขายิ่งรู้สึกอึดอัด
เหมือนสายตาคมกริบของคนตรงหน้ามันมองทะลุรู้ความคิดเขาทุกอย่าง
“คิดว่าผมจะยอมรามือจากคุณง่ายๆ เหมือนที่คยูฮยอนยอมศิโรราบให้เหรอ?”
“แล้วคุณต้องการอะไรมากกว่านั้น?”
“ร่างกายคุณ .. เซ็กส์ .. ตอบสนองความใคร่..
แบบนั้นได้ไหมครับ?”ถามพลางเลื่อนมือไปลูบต้นขาขาว
มือหยาบกร้านทว่าอุ่นร้อนลากผ่านหน้าตักพลางบีบเคล้นแผ่วเบาทำให้ฮยอกแจปัดหนีแล้วตวัดสายตามอง
“ต้องการแบบนั้น..เหรอ?”ใบหน้าหวานที่ซีดเซียวยกยิ้มมุมปากพลางเลื่อนกายเข้าไปหาอีกร่าง
มือเรียวเล็กเลื่อนไปโอบรอบคอแกร่งอย่างรู้หน้าที่
“เดี๋ยวสิ..อย่าเพิ่งใจร้อนไป ..
ปกติคุณใช้วิธีนี้กับคยูฮยอนเหมือนกัน?”
“มันก็อาจจะใช่.. ที่มีข้อแลกเปลี่ยน แต่บางครั้ง..
มันก็แค่ความใคร่ เพราะคยูฮยอนก็ลีลาใช้ได้”คำตอบแสนเจนจัดทำให้จองโมเผลอขมวดคิ้วสงสัย
ทำไมคนหน้าตาน่ารักอย่างฮยอกแจถึงมีฤทธิ์เดชร้ายกาจจังนะ
“ถ้าลองแล้วระวังจะติดใจลีลาผมมากกว่าคยูฮยอนนะ”
“มันก็แค่ลีลา .. ก็แค่กิจกรรมคลายใคร่ ไม่ได้มีความรัก
จะมาผูกมัดจนขนาดติดใจไม่ได้หรอกมั้ง”ฮยอกแจว่าพลางไล้ริมฝีปากกดจูบไปตามสันกรามอีกฝ่าย
“ก็ดี.. ตรงไปตรงมาดี นี่คงจะหมายความว่า..
นอกจากคิบอมแล้วคุณไม่ได้รักใครเลยงั้นสิ”
“คุณก็รู้คำตอบดีนี่”เลี่ยงจะตอบคำถามพลางขยับกายไปนั่งคร่อมหน้าตักแกร่ง
มือบางลูบไล้ไปทั่วแผ่นบนแกร่งคล้ายยั่วเย้า ปลายนิ้วเรียวริดกระดุมเสื้อเชิตสีฟ้าอ่อนออกช้าๆ
“แล้วกับทงเฮล่ะ”เมื่อเอ่ยชื่อของบุคคลที่สามที่ไม่น่าภิรมย์เท่าไรนัก
คนตัวเล็กก็ชะงักมือมองสบตาใบหน้าคม
“ก็แค่ ‘แก้แค้น’ แค่ใช้คำว่ารัก บีบน้ำตา
อ้าแข้งอ้าขา ก็ตกหลุมพรางเสียสนิท
ยิ่งกว่าโง่..หึ”รอยยิ้มร้ายกาจบนดวงหน้าสวยหวานทำให้จองโมยกยิ้มน้อยๆ
ฮยอกแจไม่ใช่เพียงตัวร้ายที่พยายามสวมหน้ากากบทนางเอกเพื่อให้เหยื่อตายใจแล้วแก้แค้นให้สาสม
แต่กลับเป็นฆาตรกรเลือดเย็นที่พร้อมจะทำลายเชือดเฉือนความรู้สึกของใครต่อใครโดยไม่คิดยั้งมือ
“น่าทึ่งจริงๆเลยนะ
กับความรักแสนบริสุทธิ์ที่มีต่อคิมคิบอมน่ะ”จองโมเอ่ยอย่างที่คิด
ฮยอกแจได้ยินดังนั้นก็ไม่คิดจะตอบโต้อะไร แค่เพียงไหวไหล่เล็กน้อยด้วยท่าทางสบายๆ
“คิดจะเอาให้ตายเลยรึไง? ทงเฮน่ะ”
“ไม่หรอก ..
ก็แค่จะทำให้มันเข้าใจความรู้สึกว่าเวลาโดนพรากของรักโดยคนใกล้ตัวมันเจ็บปวดแค่ไหนก็พอ
แต่ถ้าหมอนั่นทนรับสิ่งที่ผมทำไม่ไหว คิดอยากจะตาย
ก็เรื่องของมัน”คำตอบที่ได้รับทำให้จองโมพอเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง
เขาเชื่อแล้วว่าฮยอกแจเป็นคนที่จริงจังกับความรัก
จริงใจและมุ่งมั่นกับของรักอย่างแท้จริง และเขาก็มั่นใจ .. ว่าที่คยูฮยอนตกหลุมรัก
ยอมศิโรราบให้กับคนๆนี้ ก็เพราะคิดหวังว่าสักวันฮยอกแจจะรักตนได้เท่ากับรักคิบอม
แต่ดูเหมือนรักของคยูฮยอนจะน่าสมเพชมากเกินกว่าน่าสงสาร ..
ทั้งๆที่รู้ดีว่าฮยอกแจฝังใจมากแค่ไหน ก็ยังยอมทำทุกอย่าง
ขนาดที่ยอมลดศักดิ์ศรีที่ตนเองภูมิใจมาขอร้องให้เขาช่วยทำเรื่องผิดๆแบบนี้
ฮยอกแจ..ยอม’ร่าน’เพื่อได้แก้แค้น..
“รักคิบอมมากขนาดนี้ ไม่สงสารคยูฮยอนมันหน่อยรึไง?”
“สงสาร?”เลิกคิ้วมองร่างตรงหน้าด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยต่อ
“เขาก็ได้สิ่งตอบแทนไปเยอะแล้วไม่ใช่รึไง?
ร่างกายของผมมันไม่ใช่ว่าจะได้ไปง่ายๆนี่”
“หึ.. ร้ายจริงๆนะครับ คุณลีฮยอกแจ”
“จะร้ายกว่านี้อีก.. ถ้าคุณได้ลิ้มลอง”คำเชิญชวนของร่างเล็กทำให้ความอดทนที่มีอยู่ทั้งหมดขาดผึง
เขาไม่รู้ตัวเองเลยสักนิดว่าลุ่มหลงร่างกายของคนที่เพิ่งเจอกันเพียงไม่ถึงชั่วโมงได้อย่างไร
แม้ผิวกายจะแห้งผาก ร่างกายไร้ความนุ่มนวลนิ่มน่าสัมผัส
แต่เมื่อได้แตะต้องอารมณ์ดิบที่ซ่อนอยู่มันก็ถูกปลุก
“อ่ะ..”เสียงครางแผ่วที่หลุดจากเรียวปากอิ่มเมื่อเขาถอนจูบออกทำให้เขาคลั่งจนอยากจะบดขยี้เรียวปากอิ่มแดงหนักๆ
สะโพกกลมกลึงบดเบียดที่หน้าขารุกเร้าให้ส่วนอ่อนไหวตื่นตัว
“อาาาาาา”
ฮยอกแจ..เสน่ห์ร้ายเกินกว่าหญิงสาวคนไหนๆที่เคยพบเจอ
ร่างเพรียวเดินเลาะขึ้นไปตามทางเข้าคอนโดของทงเฮด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีใครสามารถเดาความหมายของมันออก
ฮยอกแจกำลังรู้สึกมีความสุข รู้สึกลิงโลด เพราะ’บางสิ่งบางอย่าง’กำลังจะเดินไปตามเกมที่เขาวาง
อีกไม่นานมันคงถึงเวลาปิดเกมส์แล้วสินะ
คุณเคยสงสัยไหมว่า..ความจริงทั้งหมดมันคืออะไร?..
เพราะอะไร .. ที่ผมต้องหลอกทงเฮอย่างนั้นน่ะเหรอ ..
เพราะอะไร ..
ที่คนอย่างลีฮยอกแจจะต้องยอมเป็นคนอ่อนแอบีบน้ำตาร้องไห้ให้กับคนคนเดียว..
เพราะอะไร .. ที่ลีฮยอกแจจะต้องยอมอดข้าว
แกล้งทำเป็นคนป่วยนอนกับลีทงเฮอยู่ทุกคืน?
ผมจะเป็นคนเล่ามันให้คุณฟังทั้งหมดเอง ..
แผนของผมน่ะ..ไม่ใช่ว่าไม่เคยพลาดหรอกนะ ..
มันพลาดมาหลายครั้ง.. แต่ครั้งแรกที่ผมพลาดคือตอนที่คบกันกับทงเฮครั้งแรก
ผมแสร้งสารภาพรักเขาพร้อมบีบน้ำตา
ทำตัวเป็นนางเอกละครที่บูชาทุ่มเทให้ความรักกับเขา พอผมรู้ว่าเขาเริ่มรักผม
ผมก็คิดจะเดินต่อตามแผนที่วางไว้ แต่ผมก็บังเอิญใจร้อนไปหน่อย
ผมยืมมือพี่ฮันกยองมาช่วยเร็วเกินไป
ยอมเสียตัวให้เขาเพราะอยากจะให้ทงเฮรับรู้ถึงความเจ็บปวดของคนที่โดนคนรักหักหลัง
แต่มันก็แค่นั้น .. ทงเฮก็แค่เสียใจ
แล้วเปลี่ยนจากความรัก..เป็นความเกลียดชัง และเปลี่ยนจากความอ่อนโยนมาเป็นความโหดร้ายป่าเถื่อน
ผมเองรู้ดีว่า ..
สิ่งที่ทงเฮทำลงไปมันก็แค่เกราะกำบังที่ทงเฮพยายามสร้างมาหลอกตัวเองว่าตัวเองเข้มแข็ง
หลังจากนั้นผมก็เลยต้องวางแผนหาวิธีเล่นงานอื่น..
ที่จะทำให้ทงเฮเจ็บแสบกว่านี้ .. ด้วยการเสแสร้งเป็นอ่อนแอ ยอมทุกอย่าง
เพื่อให้ทงเฮตายใจ หลงเชื่อว่าผมรักเขามากแค่ไหน .. ช่วงเวลานั้นน่ะ
มันช่างน่าสะอิดสะเอียนและน่ารังเกียจเหลือเกิน ..
ผมเกลียดช่วงเวลานั้นของตัวเองที่สุดเลยล่ะ
ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน..
“นะ...ซีวอน”คำขอร้องจากเรียวปากสีเชอร์รี่น่าสัมผัสดังขึ้นทำลายความเงียบที่ปกคลุมร่างทั้งสองที่หลบมายืนคุยธุระสำคัญด้านหลังตึกเรียนที่น้อยคนนักจะเดินผ่าน
“อืม..”ร่างสูงแกร่งเงียบนิ่งลงใช้ความคิดเล็กน้อย
ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำตอบอย่างที่ร่างเล็กต้องการ
“ได้สิ”ตอบรับคำขอพร้อมรอยยิ้มบางๆ
เรียวปากอุ่นประทับลงกับเรียวปากอิ่มสวยแนบแน่น
แขนแกร่งเลื่อนไปโอบเอวคอดบางของอีกฝ่าย กระชับกอดให้อีกร่างเข้ามาแทบชิด
บดเบียดจุมพิตอบอุ่นเนิ่นนาน ก่อนที่ปลายลิ้นจะสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่นช้าๆ
‘พลั่ก’
“ทะ...ทงเฮ...”ร่างบางเรียกชื่อผู้มาใหม่เสียงสั่นด้วยความตกใจ
...ทำไม..ถึงมาที่นี่ได้?...
“ว้อนมากเลยเหรอมึงน่ะ”
“มะ..”
“กูขอยืมตัวเพื่อนกูหน่อยนะซีวอน
ส่วนมึงตามกูมานี่!!!”ร่างโปร่งหันไปพูดกับร่างสูงแกร่งเสียงขุ่นอย่างไม่พอใจ
ก่อนจะหันกลับมาตวาดใส่คนตัวเล็กเสียงดังพร้อมออกแรงกระชากให้อีกร่างเดินตาม
ถ้าถามถึงเรื่องของซีวอน
มันอาจจะเป็นเพราะความโชคดีของผมกระมังที่บังเอิญโลกกลมไปรู้ความลับ
ที่ซีวอนกำลังคบหาดูใจกับพี่ฮีบินที่ทงเฮรักนักรักหนาอยู่
เพราะบังเอิญไปรู้เข้านั่นล่ะ จึงทำให้ผมตัดสินใจใช้ซีวอนเป็นหมากในกระดานอีกตัวที่จะช่วยให้แผนผมสำเร็จได้สวยงามยิ่งขึ้น
แต่คุณไม่คิดว่ามันตลกไปหน่อยเหรอ?
ที่ทำไมคนอย่างลีทงเฮจะต้องมาตกหลุมรักผู้หญิงที่บังเอิญเป็นพี่สาวของคิมคิบอม?
ไม่หรอก..ความจริงมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือความตั้งใจของผมกับพี่ฮีบินต่างหาก
ตั้งแต่วันแรกที่ผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาทำความรู้จักกับผมและทงเฮ
ผมมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ผมถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้
ใช่..ความต้องการของเราทั้งสองคนมันเหมือนกัน เราต้องการจะสั่งสอนคนที่เป็นสาเหตุทำให้คิบอมเสียชีวิต
.. ผมกับเธอวางแผนที่ทำยังไงก็ได้ให้ทงเฮตกหลุมรักพี่ฮีบินจนหัวปักหัวปำ
แต่พอทุกอย่างมันใกล้จะสำเร็จ ผมก็ได้แผนใหม่ขึ้นมา ..
เพื่อจะลองวัดเสน่ห์ดูว่าทงเฮยังรักผมอยู่บ้างไหม
ผมจึงขอให้พี่ฮีบินยอมให้ซีวอนมาทำเป็นจีบ
มาตามตอแยผมอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อกระตุ้นให้ทงเฮแสดงอาการหึงหวงของทงเฮ
และมันก็เป็นไปดังคาด ในขณะที่ทงเฮพร่ำบอกพี่ฮีบินว่ารัก
ทงเฮก็ยังคงนึกหึงหวงผมอยู่ตลอดเวลา เห็นไหม..
เสน่ห์ของลีฮยอกแจมันร้ายกาจมากแค่ไหน ..
พอทงเฮรู้ความจริงทุกอย่างผมก็ได้รับสายจากพี่ฮีบินว่าเธอแก้แค้นแค่นี้ก็พอ
แค่นี้เธอกับซีวอนก็เหนื่อยและเบื่อที่จะต้องมายุ่งกับคนที่เป็นสาเหตุทีทำให้น้องชายเธอตาย
เธอจึงรามือกับแผนการแก้แค้นนี้ ผมก็คิดจะรามือแล้วล่ะ
แต่ผมก็ดันได้รับข่าวดีจากซีวอนมาอีกว่าท่าทางทงเฮจะมีใจให้ผมมากพอสมควร
และพอลองพิสูจน์ดูมันก็จริงอย่างที่ว่า
แค่ผมหลบหน้าไปอยู่กับคยูฮยอน ทงเฮก็ตามหาเสียให้ว่อน
ผมเลยโทรไปบอกให้พี่โซราส่งข้อความไปบอกที่ที่ผมอยู่ตอนกลางคืน
ก็คิดไว้แล้วล่ะว่าหมอนั่นคงจะรีบขับรถดิ่งมาหา แต่ก็ต้องเพิ่มความมั่นใจโดยการสั่งให้คยูฮยอนโทรไปกำชับอีกครั้ง
สุดท้ายผมก็ได้รู้ว่าหมอนั่นตกหลุมรักเสน่ห์ของผมมากแค่ไหน มันเลยเป็นแผนต่อมา ..
แผนที่แสนจะปัญญาอ่อน โง่เง่า
นางเอกซีรี่ย์เท่านั้นล่ะมั้งที่จะทำได้ .. แกล้งป่วยใกล้ตาย อาศัยคยูฮยอนที่มีญาติทำงานที่โรงพยาบาลเยอะๆต่อรองคุยให้ร่วมมือด้วยนิดหน่อย
ก็ได้ยาวิตามินบำรุงมาอ้างเป็นยารักษาโรคมะเร็ง
อดข้าวแกล้งทำเป็นกินได้น้อยให้ซูบผอม ใช้แป้งฝุ่นโปะหน้าซักหน่อยให้ดูหน้าซีด
แค่นี้ก็หลอกให้คนโง่ๆอย่างทงเฮเชื่อได้อย่างแนบสนิทแล้ว ..
และวันนี้ .. มันก็น่าจะเป็นฉากสุดท้ายของบทละครที่ผมวางไว้แล้วล่ะ
ที่ผมจงใจยืมกระเป๋าตังทงเฮออกมาเพราะคาดการณ์ไว้แล้วว่าถ้าหายตัวไปนานๆทงเฮต้องสติหลุด
ใจร้อน กังวลจนต้องออกมาตามหา ..
สิ่งหนึ่งที่ทงเฮจะขาดไม่ได้เวลาออกจากบ้านคือกุญแจรถ
ที่ผมจงใจวางไว้ข้างๆกระเป๋าตังของผมที่ดึงรูปใบนั้นออกมาให้เห็นชัดๆ .. ป่านนี้ ..
ทงเฮคงเห็นสิ่งที่ผมต้องการจะให้เห็นเรียบร้อยแล้วล่ะ
ร่างเล็กเหยียดยิ้มมุมปากเหลือบมองสิ่งของในถุงพลาสติกใบเล็กที่เพิ่งได้รับจากคิม
จองโมมาเมื่อสักครู่ ฮยอกแจนึกสมเพชคนหน้าโง่อย่างทงเฮที่พยายามจะทำตัวเก่งกล้า
ข่มเหงคนอื่นไปทั่ว โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองนั่นแหละคือคนที่โง่ที่สุด
เพราะอะไรน่ะหรือ .. เพราะคนขี้อ้อนอย่างทงเฮย่อมไม่อยากออกไปกินอาหารนอกบ้าน
คนทำอาหารเก่งอย่างเขาจึงเป็นคนที่มีสิทธิผสมทุกๆอย่างลงไปในอาหารที่ทงเฮกิน ..
และสิ่งนั้นก็คือ ‘ยาหลอนประสาท’ ที่มีฤทธิ์อ่อนๆค่อยๆหลอนแต่สะสมในร่างกายแล้วมีพิษร้ายแรงกว่ายาพิษใดๆในโลก
..
ยาพิษนั้น .. ก็คือภาพหลอนที่ทงเฮจะเป็นคนสร้างขึ้นมาหลอนตัวเอง
จึงไม่แปลกเลยที่ทงเฮจะนอนฝันร้ายซ้ำๆกันทุกคืนทุกคืน ..
บางครั้งบางคราวก็คงเห็นภาพของคิมคิบอม
จนต้องละเมอเพ้อถึงชื่อของคิบอมให้เขาได้ยินอยู่บ่อยๆตอนกลางคืน
แบบนี้ล่ะ .. ถึงเรียกว่าการแก้แค้นโดยสมบูรณ์ ..
เพราะต่อให้ทงเฮจะไม่เจ็บด้วยฝีมือของฮยอกแจ ..
ก็ต้องเจ็บด้วยภาพหลอนที่ทงเฮสร้างขึ้นมาเอง
“ทงเฮ..
ชั้นกลับมาแล้ว”เสียงหวานดังขึ้นทำลายความเงียบเหงาในห้องคอนโดกว้าง ..
เปรียบดังเสียงสวรรค์ทีทงเฮรอคอย ..
และก็เปรียบดังเป็นเสียงนรกที่ฮยอกแจต้องการมอบให้ ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น