[CHAPTER 10] WELL?
“กูรักมึง..ลีฮยอกแจ”
คำเดิมเดิม ความรู้สึกเดิมเดิมยังวนเวียนไปมาในหัว ความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นบริเวณขมับซ้ายปลุกให้ร่างสูงตื่นขึ้นจากห้วงนิทราลึก
ร่างสูงสะบัดหัวไปมาเมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆกาย
และนึกได้ว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่สถานที่ที่คุ้นเคย ห้องสีขาวสะอาด
เตียงแข็งๆที่เขากำลังเอนกายนอน กลิ่นยาฉุนจมูก บอกให้รู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล
ร่างสูงบิดกายไล่ความเมื่อยล้าพร้อมสะบัดหัวไปมาก่อนเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟาเยี่ยมไข้
'นี่กูเป็นอะไรไปวะ'
ทงเฮย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าที่จำได้พร้อมขมวดคิ้วสงสัย
ก่อนหน้านี้จำได้ว่าเขาไปขอโทษฮยอกแจ แต่ก็ถูกปฏิเสธ ส่วนหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
นี่เขาสลบไปหรือไม่สบายอย่างนั้นน่ะเหรอ ?
"อื้มมม ..
"ร่างเล็กบนโซฟาครางแผ่วในลำคอก่อนพลิกตัวหันมาด้านเตียงทงเฮ
ใบหน้าหวานยามหลับดูบริสุทธิ์ราวกับเด็กน้อยตัวเล็กๆ ทงเฮมองภาพตรงหน้าอย่างหลงใหล
แล้วค่อยๆลุกไปนั่งคุกเข่ากับพื้นใกล้ๆโซฟา ปลายนิ้วแกร่งลากไล้ไปตามเรียวแก้มเนียนก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะก้มลงไปสูดดมความหอม
"ฮยอกแจ.."
"อื้ออ.."ร่างเล็กขยับกายหนีสัมผัสหยุ่นพร้อมพลิกตัวหนี
ร่างสูงมองร่างตรงหน้ายิ้มๆ มือแกร่งไล้ไปตามเอวบางก่อนจะถือโอกาสกอดเอาไว้หลวมๆ
"ทำไมถึงพาฉันมาโรงพยาบาลล่ะ ถ้าไม่อยากให้โอกาสกันน่ะ"กระซิบถามข้างใบหูเล็กแผ่วเบา
ไม่ได้คาดหวังคำตอบจากร่างตรงหน้า
"อื้มม..”
“ยังรักกันอยู่ใช่มั้ย ..
นายยักรักกันเหมือนที่ฉันรักนายใช่มั้ย”คำถามหวานๆเสียงทุ้มระรื่นหูทำให้คนแกล้งหลับอมยิ้มน้อยๆ
“ก็เคยบอกเอาไว้ว่าให้เชื่อใจกันไม่ใช่เหรอ"ฮยอกแจที่ยังนอนหลับตาสนิทพึมพำถามทั้งระบายยิ้ม
ทำให้คนมองอดจะฝังปลายจมูกกับแก้มใสหนักๆไม่ได้
นิสัยเดิมๆที่ไม่แก้ ..
ชอบแกล้งหลับให้เขาพูดนั่นนี่ออกมา .
"ตัวแสบ"ร่างสูงว่าพลางจับคนตัวเล็กให้หันมาหา
จุมพิตเบาๆลงที่หน้าผากมนอย่างอ่อนโยน แต่มือเล็กก็ขืนดันไหล่แกร่งอีกคนออก
“ยังไม่ได้บอกว่าจะยกโทษให้เลยสักหน่อย”ฮยอกแจว่าพลางแกล้งถดตัวหนีอีกคน
“ทำขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่หายโกรธรึไง?”ทงเฮยิ้มขำแล้วกดจูบริมฝีปากอิ่มแดงของคนตรงหน้าย้ำหลายๆครั้ง
"อื้ออ..ทงเฮ.."ฮยอกแจร้องห้ามพลางเบี่ยงหน้าหนี
“หื้มม
อะไรเหรอครับ?”ทงเฮหยุดพยายามในการลวนลามคนตัวเล็กใต้ร่างแล้วมองหน้าหวานรอคำตอบ
“แน่ใจแล้วเหรอ?”
"แน่ใจอะไรล่ะ?"
"ทงเฮจะกลับเป็นแบบแต่ก่อนมั้ย?"ฮยอกแจถามพร้อมมองตาร่างสูงนิ่ง
แววตาจริงจังของร่างเล็กทำให้ทงเฮเลือกที่จะเงียบก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับกับเรียวปากอิ่มแทนคำตอบ
สัมผัสอ่อนนุ่มที่ทำให้ร่างทั้งร่างสะท้านเพราะความวาบหวาน
ปลายลิ้นร้อนแตะลงบนเรียวปาก เล็มสอดแทรกเข้าไปด้านในช้าๆ
มือหนาสอดประครองท้ายทอยอีกร่างให้เข้ามาแนบชิดกว่าเก่า
"อื้มมม.."ฮยอกแจเผยอริมฝีปากแยกออกปล่อยให้อีกร่างรุกล้ำเข้ามาตามที่ต้องการ
เสียงครางหวานแผ่วในลำคอทำให้คนฟังพอใจ ยิ่งบดเบียดหนักกว่าเก่า
จุมพิตอ่อนหวานนุ่มนวลต่างจากครั้งก่อนๆทำให้คนตัวเล็กอ่อนระทวย
แขนเรียวเลื่อนไปโอบรอบคอด้วยความยินดี
"ทงเฮรักเค้ามั้ย"เมื่อริมฝีปากแยกออกร่างเล็กก็เอ่ยถามขึ้น
พวงแก้มขาวขึ้นสีระเรื่อ
"รักสิ.. และสัญญาว่าจะรักแบบนี้ไปนานๆ
จะไม่ทำให้เจ็บเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้วนะ"
"อื้อ~"ฮยอกแจพยักหน้ารับน้อยๆ
มือบางที่โอบรอบคอลูบไหล่แผ่นหลังแกร่งเล่นไปมา
"ครับคนดี"
"ทงเฮรู้ได้ไงว่าเค้าอยู่ที่นี่? คยูฮยอนบอกเหรอ?"เลิกคิ้วมองอีกคนด้วยคำถามที่ติดใจสงสัยตั้งแต่ต้น
"อืมมม..
ก็ประมาณนั้นล่ะ"คำตอบคลุมเครือทำให้คนฟังขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
“ทำไมล่ะ?”
“จู่ๆก็มีข้อความส่งมา .. แล้วพอลองโทรไปหาเบอร์ฮยอกแจอีกที
จู่ๆหมอนั่นก็บอกทุกอย่างจนหมด”ทงเฮตอบตามความจริงทำให้ฮยอกแจพยักหน้าหงึกหงัก
“แล้วทงเฮคิดยังไง.. มั่นใจแล้วเหรอ.. ว่ารักฉัน
ไม่ได้รักพี่ฮีบินน่ะ”คำถามวกวนชวนรำคาญ
หากแต่น้ำเสียงหวานของคนตัวเล็กทำให้ทงเฮกลั้วหัวเราะก่อนจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“มั่นก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ก็แค่รักหลอกลวงไร้สาระนะ
คบกับพี่ฮีบิน ฉันก็คิดถึงฮยอกแจ ไม่คบกับพี่ฮีบินฉันก็คิดถึงฮยอกแจ”
“อืมม...แล้วทงเฮมั่นใจเหรอว่ารักฉัน”
“ถ้าไม่รัก.. จะคอยหวง คอยใส่ใจขนาดนั้นเหรอ?
ที่ทำไปทุกอย่างถึงมันจะดูรุนแรง แต่มันก็...นะ”
“แล้วไม่ว่ามันเป็นเหตุผลงี่เง่าไปหน่อยรึไง
ทำกับฉันเอาไว้ตั้งเยอะ แต่มาขอโทษง่ายๆแค่เนี้ยะ?”ฮยอกแจเลิกคิ้วมองพลางยิ้มขำเมื่อเห็นว่าคนฟังหน้าเสียเพราะคำพูดตัวเอง
“ก็ขอโทษแล้ว ฮยอกแจก็ให้โอกาสกันแล้วไม่ใช่เหรอ?
ไม่งั้นจะพามาโรงพยาบาลทำไม ไม่ปล่อยให้ตายตรงนั้นไปล่ะ?”
“เข้าข้างตัวเองตลอดนั่นล่ะ คิดว่าฉันจะรักนายไปตลอดรึไง? ทั้งด่าทั้งจูบทั้งปล้ำขนาดนั้นน่ะ”ฮยอกแจเหน็บแนม
“ก็รู้ไงว่าทำไปแล้วก็ยังรักน่ะ”
“แล้วถ้าไม่รักล่ะ..”คำถามและน้ำเสียงที่ดูขัดกับรอยยิ้มหวานบนใบหน้าทำให้ทงเฮสะอึก
รู้สึกเจ็บแปลบที่อกด้านซ้าย เหมือนมีเข็มเล็กๆเสียดแทงเข้าไปจนพูดไม่ออก
“.....”
“ฮ่ะๆ ทงเฮหน้าดรอปไปเลย
ฉันแค่ล้อเล่นนิดเดียวเองนะ..”จู่ๆฮยอกแจก็หัวเราะขึ้นเปลี่ยนบรรยากาศอึดอัดให้ผ่อนคลายลง
แต่ถึงอย่างนั้นทงเฮก็ยังคงอดติดใจกับคำพูดของคนตัวเล็กไม่ได้
“แล้วนี่ตอนนี้เรากลับมาคบกันเหมือนเดิมเหรอ?”ฮยอกแจถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทงเฮยังมีท่าทางเกร็งๆ
“อยากจะดูใจกันต่อก่อนมั้ยล่ะ?”
“ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ”ฮยอกแจตอบตามที่คิด
“ก็คงอย่างนั้นมั้ง”ทงเฮตอบยิ้มๆ
ถึงจะแอบค้านกับสถานะคลุมเครือที่ฮยอกแจมอบให้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ฮยอกแจตัดสินใจ
เพราะอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากเอาแต่ใจ บังคับอะไรให้ฮยอกแจต้องทำตามอย่างที่เคยเป็นมาก่อน
“มันทำให้ลำบากใจรึเปล่า?”
“เคยทำกับฮยอกแจมากกว่านี่อีกนี่”ทงเฮว่าพลางแสร้งหัวเราะฝืดๆ
ทั้งๆที่น่าจะยินดีที่ฮยอกแจยังคงรักเขาไม่เปลี่ยน
แต่มันก็ยังมีอะไรที่ติดอยู่ทำให้รู้สึกแปลกๆ ระแคะระคายไม่สามารถวางใจได้สักอย่าง
“แล้วนี่ทงเฮหายหน้ามืดแล้วเหรอ?”ฮยอกแจถามเมื่อเหลือบไปเห็นเตียงคนไข้ที่มีกองผ้าห่มขยุ้มกองอยู่
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่..
แล้วทำไมต้องพาชั้นมาเข้าโรงพยาบาลล่ะ”ถามพลางเกลี่ยแก้มเนียนของคนตรงหน้าไปมา
“หมอบอกว่าทงเฮไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน
แล้วก็ไม่ได้กินข้าวในครบทุกมื้อ ร่างกายก็เลยอ่อนแอทำให้เป็นลมไป”
“ห๊ะ? แค่นั้นเองอ่ะนะ?”
“อื้อ”
“แล้วทำไมต้องจริงจังขนาดนอนโรงพยาบาลเนี้ย
ฉุนยาจะตาย”ทงเฮพึมพำกับตัวเองพลางกลั้วหัวเราะ
บรรยากาศตึงเครียดค่อยๆถูกเปลี่ยนให้ผ่อนคลายลง
หลังจากที่ทั้งสองเริ่มปรับความเข้าใจกันได้ ความเข้าใจผิด เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นถูกลบล้างไปเมื่อทงเฮเอาแต่นั่งขอโทษ
“เลิกขอโทษได้แล้วทงเฮ . มันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วล่ะ
ชั้นไม่คิดอะไรมากแล้ว”
“อื้ม ขอบคุณนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก
ไม่ไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้น”ร่างบางที่โดนอีกร่างโอบเอวอยู่ไม่ปล่อยเอ่ยบอกพลางเกลี่ยแก้มร่างสูงเล่น
ทงเฮในแบบที่อ่อนโยน ช่างเอาใจใส่
แคร์ความรู้สึกของฮยอกแจตลอดเวลา ไม่หยาบคายได้กลับมาแล้ว
ทงเฮคนนี้..คนที่มีรอยยิ้มแบบที่ฮยอกแจชอบตลอดมา..
“เฮ้อออ
ตกลงว่าออกจากบ้านได้พรุ่งนี้เช้าใช่มั้ยเนี้ย”ร่างที่โดนบังคับให้นอนนิ่งๆบนเตียงคนไข้บ่นอุบอิบด้วยความไม่พอใจ
ทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมากมายแท้ๆ ไม่เห็นจะต้องเสียเวลา
เสียเงินมานอนแหงกอยู่โรงพยาบาลสักนิด
“อย่าบ่นสิทงเฮ พักผ่อนไม่เพียงพอ แล้วยังจะมาปากดีอีกนะ
วันนี้ก็เอาแต่คุยไม่ยอมนอน”ฮยอกแจบ่นอุบพลางใช้มือทั้งสองกดไหล่ทงเฮให้นอนอยู่กับเตียง
“ขึ้นมานอนด้วยกันสิ”
“จะบ้ารึไงเล่า เตียงก็เล็กเบียดกันตายพอดี”
“ก็มานอนบนตัวฉันสิ”ทงเฮพูดพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
“อย่ามาทะลึ่ง”ฮยอกแจว่าพร้อมฟาดมือลงไปที่แขนแกร่งหนักๆ
ใบหน้าหวานแดงซ่านเพราะรู้ทันความคิดของคนที่กำลังนอนอยู่
ทงเฮจึงอาศัยจังหวะที่ฮยอกแจเผลอ รั้งเอวบางดึงคนตัวเล็กขึ้นมาบนเตียงแล้วกอดเอาไว้แน่น
ลมหายใจอุ่นๆบริเวณต้นคอขาวทำให้ร่างเล็กเบี่ยงคอหนี
“เจ้าเล่ห์”บ่นอุบอิบแก้เขิน
พลางก้มหน้าหลบสายตาหื่นๆของคนตรงหน้า
“เจ้าเล่ห์ก็รักไม่ใช่เหรอ
หื้มม..”ถามพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ปลายจมูกโด่งฝังลงที่แก้มเนียน
มือหนาลูบไล้เอวบางเล่นไปมา
“ไม่สบายก็นอนนิ่งๆสิ
อย่าลูบ”ฮยอกแจว่าพลางจับมือซนของร่างสูงออก
“ก็..
คนไข้อยากหายไม่สบายเร็วๆนี่ครับ”คนตัวโตจอมหื่นเอ่ยพลางสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปด้านในเสื้อยืดตัวโคร่ง
เรียวปากหยักประกบแนบกับเรียวปากสีสดแนบสนิท
“อื้อออ..”ฮยอกแจครางในลำคอแผ่วเบาเมื่อเรียวลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก
ตวัดเกี่ยวรัดลิ้นเล็ก ดูดดุนตักตวงความหวานครั้งแล้วครั้งเล่า
ร่างเล็กดึงเสื้อคนไข้ของร่างสูงเบาๆเมื่อถูกบดจูบจนรู้สึกหายใจไม่ทัน
ทงเฮละริมฝีปากออกเพียงเล็กน้อยก่อนจะปรับองศาทาบทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง
มือหนาเลื่อนไปสะกิดยอดอกสีสดที่ตั้งชันรับสัมผัส
เสียงครางหวานหูจากเรียวปากสวยยิ่งเร่งให้ทงเฮรุกเร้าหนักขึ้น
ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเปิดทางให้ร่างสูงซุกไซร้ได้ตามต้องการ
เรียวปากหยักขบเม้มสร้างรอยจางๆไปทั่วลำคอขาว
สัมผัสวาบหวิวที่เกิดขึ้นทำให้คนตัวเล็กเผลอแอ่นแผ่นอกเข้าหาอย่างลืมตัว
มือบางเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอแกร่งรั้งอีกกายใหเข้ามาแนบชิดมากกว่าเก่า
เรียวลิ้นร้อนที่ลากไล้ไปทั่วทำให้ฮยอกแจรู้สึกซ่านจนกักเก็บเสียงเอาไว้ไม่อยู่
“อ่ะ..อา..ทงเฮ..อื้มมม..”
ร่างสูงจัดการปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เกะกะขวางทางออกเผยให้เห็นกายขาวเนียนที่ยังคงมีรอยช้ำสีจางๆจากบทรักครั้งก่อน
ทงเฮจงใจทาบริมฝีปากลงไปบริเวณที่ยังมีรอยช้ำแล้วขบเม้มเบาๆให้เป็นรอยชัดเจนกว่าเก่า
ในขณะที่มือก็ลากเปะป่ายเคล้นคลึงไปทั่วกายเล็ก
“ให้ฉันทำรอยใหม่.. ลืมรอยเก่าๆทิ้งซะนะคนดี”ทงเฮกระซิบบอกเสียงพร่า
มือหนากอบกุมแกนกายเล็กที่เริ่มตั้งชันเพราะอารมณ์ที่ร่างสูงเป็นคนปลุก
ปลายนิ้วขยับรูดรั้งสัมผัสปรนเปรอไปทั่วแกนกาย
ออกแรงบีบหนักสลับเบาแกล้งให้คนตัวเล็กครางหวาน
สะโพกบางแอ่นรับสัมผัสขยับตามจังหวะรูดเข้าออกตามความยาว
“อื้ออ..อ่ะ..อ่า..อ๊าาาา”ร่างเล็กบิดเร่าไปมาเมื่อปลายทางฝั่งฝันเข้ามาใกล้
ทงเฮเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นโพรงปากร้อนครอบครองดูดดุนเร่งจังหวะเร็วยิ่งขึ้น
เสียงครางกระเส่าเคล้าคลอกับเสียงซี้ดปากของร่างด้านใต้ทำให้ความต้องการของทงเฮพุ่งขึ้นสูง
“อ๊ะ อื้ออ อ๊างงงง”สะโพกบางกระตุกเกร็งก่อนแกนกายเล็กจะปลดปล่อยหยาดธารอุ่นสีขุ่นออกมาจนหมด
ทงเฮอ้าปากรับมันเอาไว้ก่อนจะปล่อยออกใส่มือของตน
ปลายนิ้วแกร่งป้ายน้ำรักที่เพิ่งถูกปลดปล่อยเข้ากับปากทางเข้าด้านหลังช้าๆ
มือหนาอีกข้างจับเรียวขาบางตั้งชันกับเตียง เผยให้เห็นช่องทางรักที่กำลังขมิบเรียกร้องการสอดแทรกเข้าไป
“อื้ออ..ทงเฮ..เข้ามา..อ่ะ..”ฮยอกแจวอนคอเสียงสั่นเมื่อเห็นว่าร่างสูงเอาแต่กดปลายนิ้วไปรอบๆปากทางเข้าไปแต่ไม่ยอมสอดแทรกเข้ามาเสียที
ยิ่งเห็นฮยอกแจปั่นป่วนทงเฮยิ่งอยากแกล้ง
ลากลิ้นไปเลียช่องทางรักสีหวานจนเปียกชุ่มก่อนจะสอดเรียวนิ้วเข้าไปทีเดียวจนสุด
“อ๊าาาาาาาา”ฮยอกแจกรีดครางออกมาเสียงหวานเมื่อถูกรุกรานเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว
นิ้วเรียวด้านในขยับเข้าออกเร็วๆแกล้งให้ฮยอกแจครางต่อไม่หยุด
ทงเฮยิ้มมุมเมื่อเห็นร่างบางดิ้นพล่านบนเตียง
มือบางเลื่อนมากระตุกเชือกเสื้อคนไข้ของเขาออกอย่างรีบร้อน
ยันกายขึ้นมาแลกจุมพิตกับอีกร่างด้วยความต้องการที่พุงสูง
“อืมม..ที่รัก..อย่าเพิ่งใจร้อน”ว่าพลางลดจังหวะการขยับเข้าออกให้ช้าลง
เล่นเอาคนตัวเล็กครางจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความไม่พอใจ
ร่างสูงอมยิ้มกับท่าทางการตอบสนองของคนตัวเล็ก ก่อนจะชักเรียวนิ้วออกจากช่องทางคับแน่น
“อื้ออ..ทงเฮอ่ะ..เข้ามาสิ”ฮยอกแจครางหวานพลางยกสะโพกขึ้นสูงยั่วเย้า
ทงเฮไม่รอช้ารีบปลดกางเกงคนไข้สีอ่อนออกแล้วสอดแทรกแกนกายที่ตั้งแข็งขืนเข้าไปด้านในช่องทางที่คับแน่น
ก่อนจะขยับเข้าออกด้วยจังหวะเนิบนาบ
เสียงครางกระเส่าเคล้าเสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นตามจังหวะขยับกอดก่ายหนักหน่วงและร้อนแรง
ฝ่ามือหยาบปัดป่ายบีบเคล้นไปทั่วร่างขาว
ไม่ต่างจากมือเรียวที่ลูบไล้แผ่นหลังแกร่งไปทั่ว
ความกระสันต์ตัณหาใคร่ในรสรักถูกเติมเต็มด้วยจังหวะที่ถาโถมเข้าหากันไม่หยุดหย่อน
ความคับแน่นบีบรัดแกนกายจนทงเฮกลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่
ร่างสูงขยับสะโพกกระแทกเข้าออกแรงๆสองสามครั้งก่อนจะฉีดธารอุ่นที่กักเก็บเอาไว้เข้าไปในช่องทางสีสวย
ความอุ่นวาบที่แล่นไปทั่วร่างทำเอาฮยอกแจกระตุกเกร็งปลดปล่อยออกเลอะไปทั่วหน้าท้องแกร่ง
“อาาาา..ทงเฮอา..”ฮยอกแจครางลั่นก่อนจะนอนหอบใต้ร่างแกร่ง
มือบางเกาะไหล่หนาเอาไว้แน่นเมื่ออีกฝ่ายค่อยๆถอดถอนแกนกายออกจากร่าง
“อื้มม”ทงเฮกดจูบเรียวปากอิ่มเบาๆก่อนจะเลื่อนตัวลงมานอนกระชับกอดคนตัวเล็ก
ซุกใบหน้าหล่อลงกับลาดไหล่บาง มือหนาดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาห่มร่างทั้งสองเอาไว้
“รักฮยอกแจนะ”คำบอกรักแผ่วเบาทำให้ทั้งคนพูดและคนฟังอมยิ้ม
ก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราลึกเพราะความอ่อนเพลียที่เกิดจากกิจกรรมเร่าร้อนเมื่อสักครู่
ความเหน็บหนาวจากบรรยากาศรอบๆทำให้ร่างเล็กขยับกายขยุกขยิกไปมาหามุมที่นอนสบายพร้อมกับเบียดร่างเข้าหาแผ่นอกแกร่ง
กลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูจากกลุ่มผมสีอ่อนเรียกให้ทงเฮฝังปลายจมูกเข้ากับกลุ่มผมนิ่ม
“แค่กๆ..แค่ก...”เสียงไอค่อกแค่กที่ดังขึ้นมาจากห้องน้ำทำให้ทงเฮพลิกตัวหนียกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างอย่างหัวเสีย
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างทำให้ทงเฮขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด
ห้วงนิทราแสนสบายถูกรบกวนจนเจ้าตัวต้องลืมตาตื่นขึ้น
มือหนายีหัวตัวเองไปมาจนผมไม่เป็นทรง คำสบถต่างๆนานาหลุดจากเรียวปากหยัก
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าร่างเล็กที่นอนอยู่ข้างกายได้หายไปจากเตียง
“ฮยอกแจเหรอ”ร่างสูงรีบรุดลงจากเตียงเดินไปทางห้องน้ำทั้งที่ตายังไม่ลืมตื่นขึ้นดี
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
“ฮยอกแจ อยู่ด้านในรึเปล่านะ
เป็นอะไรมั้ย”เมื่อลองบิดลูกบิดดูแล้วพบว่าประตูถูกล๊อก
ทงเฮจึงตัดสินใจตะโกนถามเข้าไป
แต่เสียงที่ได้รับตอบกลับกลับเป็นเสียงไอหนักๆจากคนด้านใน
“เห้ย ฮยอกแจเป็นอะไรรึเปล่า? ไม่สบายอะไรเป็นอะไรรึเปล่า
ตอบมาหน่อยสิ”ทงเฮลนลามถามด้วยความตกใจ มือหนารัวทุบประตูห้องน้ำเสียงดัง
“แค่ก..แค่ก..ไม่เป็นไร..แค่ก..ทงเฮไปนอน..แค่ก..”เสียงแผ่วที่ดังตอบกลับมายิ่งทำให้ทงเฮเป็นกังวลหนักขึ้น
มือหนาพยายามบิดลูกบิดไปมาแรงๆหวังแค่จะเข้าไปดูอาการของคนตัวเล็กด้านใน
“เห้ย”ทงเฮร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าที่ปลายเท้ามีรอยเลือดสีแดงสดหยดอยู่
‘ปัง ปัง ปัง’
“ฮยอกแจ เปิดประตูห้องน้ำหน่อยสิ เป็นอะไรบอกกันหน่อย
มีอะไรก็บอกสิฮยอกแจ”ทงเฮถามรัวด้วยความตกใจระคนเป็นห่วงคนด้านใน
ยิ่งเห็นคราบเลือดนี่แล้วก็ยิ่งกังวล
กลัวเหลือเกิน..
กลัวว่าคนตัวเล็กจะเป็นอะไรไป..
“แค่ก...แค่ก..ทงเฮ...ไม่เป็นไร..กูไม่เป็นไร..”
“ไม่ต้องมาโกหกเลย เปิดประตูออกมา
เร็ว”ทงเฮสั่งเสียงเข้มพลางใช้ไหล่กระแทกพยายามจะพังประตูเข้าไป
แต่ไม่ทันที่ทงเฮจะได้ออกแรงมากสักเท่าไร
ร่างเล็กก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาด้วยท่าทางอิดโรย ใบหน้าหวานซีดเซียวไร้สีสันนั่นทำให้ทงเฮรีบถลาเข้าไปหา
“ฮยอกแจเป็นอะไร ทำไมถึงเป็นขนาดนี้น่ะ”ทงเฮคะยั้นคะยอถาม
เสื้อยืดตัวโคร่งสีดำมีคราบหยดของเหลวเลอะเป็นทางสีเข้ม
บริเวณมุมปากสีสดมีรอยสีแดงเข้มเปรอะอยู่ มือหนาจับมือบางขึ้นมาสำรวจ
ก่อนจะพบว่าตามง่ามนิ้วก็มีคราบเลือดที่คนตัวเล็กน่าจะล้างออกไม่หมดติดอยู่
“ฮยอกแจเป็นอะไร ตอบมานะ ทำไมเลือดออกแบบนี้”ทงเฮถามเสียงเครียด
“แค่ก..ฮึกก..แค่กก..ฮยอกแจทรมาณ..แค่ก..ฮยอกแจไม่เป็นไร..”ฮยอกแจยังคงไอไม่หยุด
หางตาคู่สวยปริ่มหยดน้ำใสๆนั้นเรียกให้ทงเฮต้องคว้าตัวคนน่ารักเข้ามากอดแน่นด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรนะฮยอกแจ..ไม่เป็นไรนะ..ทงเฮอยู่นี่แล้วนะ”มือหนาลูบหลังลูบหัวคนตัวเล็กพัลวัน
หวังแค่ให้ฮยอกแจรู้สึกดี
แต่ไหล่บางที่สั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงสักนิด
“แค่กกก..เฮ..เฮ..เค้าเจ็บคอ..แค่กก..”เสียงหวานดังงุ๊งงิ๊งที่หน้าอกแกร่ง
ก่อนที่ของเหลวอุ่นๆจะไหลเลอะเสื้อคนไข้ของทงเฮจนเจ้าตัวรู้สึก
“ฮยอกแจ..ไม่สบายเป็นอะไร..ทำไมไม่บอกฮยอกแจ
หืมม..”ทงเฮพยายามปลอบให้ฮยอกแจสงบลง
แต่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กไม่มีท่าทีจะหยุดได้เลยสักนิด
ทั้งแรงสะอื้นและแรงไอดังสับกันไป ทำให้ฮยอกแจต้องถลาตัวไปเกาะขอบโถชักโครก
หยดของเหลวสีแดงที่ไหลลงไปทำให้ทงเฮใจหาย มือหนาตบแผ่นหลังบางเบาๆ
ร่างกายที่ร้อนระอุที่สัมผัสได้ทำให้ความสงสัยของทงเฮยิ่งเพิ่มทวีคูณ
‘ฮยอกแจไม่สบายเป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ’
หลังจากที่คนตัวเล็กไอออกเป็นเลือดจนหมดแรง
ร่างเล็กก็สลบไปทั้งๆที่ทงเฮยังคงประคองกายเอาไว้อยู่
เขาจึงจัดการพาฮยอกแจส่งให้ถึงมือหมอเพื่อตรวจร่างกายทันที
เพราะฮยอกแจเองไม่มีท่าทีว่าจะยอมปริปากบอกอะไรเขาสักนิด
ถามไปเท่าไรๆก็มีแต่บอกไม่เป็นไร..
ไม่เป็นไรอะไรกัน..อ้วกเป็นเลือดซะขนาดนั้นน่ะ..
ในระหว่างที่ทงเฮนั่งรอให้คุณหมอตรวจร่างกายฮยอกแจ ทงเฮก็จัดการกดโทรศัพท์หาเบอร์มือถือของฮยอกแจที่ตอนนี้คยูฮยอนน่าจะเป็นคนเก็บไว้ให้
‘ตู้ด ตู้ด ตู้ด..’
เสียงสัญญาณที่ดังขึ้นทำให้ทงเฮรุ่มร้อนจนแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง
ทำไมมันรับโทรศัพท์ช้าจังวะ กะอีแค่กดปุ่มรับสายมันลำบากตรงไหน
“ยอบอเซโย คยูฮยอนพูดครับ”เสียงนุ่มปลายสายที่ดังขึ้นแทนที่เสียงสัญญาณน่ารำคาญนั่นทำให้ทงเฮรีบรัวคำถามที่อยากรู้ใส่จนปลายสายเรียบเรียงคำตอบไม่ถูก
“เดี่ยวนะครับ. รุ่นพี่ใจเย็นๆก่อนได้มั้ย”
“จะให้ใจเย็นอะไรล่ะ ฮยอกแจเขาเป็นอะไร นายรู้ใช่มั้ย?
รู้ใช่มั้ยว่าฮยอกแจเขาเป็นอะไรน่ะ”ทงเฮยังคาดคั้นไม่หยุดหย่อน
“พี่ทงเฮ..ใจเย็นๆนะครับ”
“ก็บอกว่าไม่เย็นแล้วไง บอกมาเร็วๆสิ ฮยอกแจเป็นอะไร”
“พี่ครับ.. ผมว่าเรื่องนี้พี่ไปถามพี่ซองมิน พี่น่าจะได้คำตอบที่ดีกว่านะ”ปลายสายตอบคำถามที่ดูกำกวมจนทงเฮนึกอยากจะตั้นหน้าไอ้รุ่นน้องสักทีสองที
นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายนะ ยังจะเล่นลิ้นเก็กหล่ออะไรอีก
“นายรู้อะไรก็บอกมาให้หมด ไม่ใช่มากั๊กเอาไว้แบบนี้ ชั้นอยากได้ย่อๆ
จะได้รู้ว่าควรทำยังไง แล้วชั้นค่อยไปคุยกับซองมินเอาทีหลังก็ได้”
“พี่ครับ..พี่ฮยอกแจน่ะ..”
.
.
“เขาเป็นมะเร็ง”
ชื่อโรคที่ทำให้ทงเฮนิ่งค้างไปได้หลายสิบวินาที
มือหนาสั่นเทาราวกับว่าโทรศัพท์ที่กำลังถืออยู่มันหนักหนาเกินกว่าจะประครองเอาไว้ได้
“อะ...อะไรนะ.”ทงเฮถามย้ำอีกครั้ง หวังให้เขาแค่หูฝาดไป
“พี่ฮยอกแจ..เขาเป็นมะเร็ง.. ระยะที่สามแล้วครับ”
“ไม่จริง.. อย่ามาล้อเล่นน่าคยูฮยอน
มันไม่ได้ตลกอย่างที่คิดเลยนะ”ทงเฮส่ายหน้ารัวไม่อยากรับรู้
ไม่อยากเชื่อความจริงที่เพิ่งได้ยิน
โรคร้าย.. ที่มันเคยพรากเพื่อนสนิทคนนึงไปจากเขา..
โรคร้าย..ที่คิมคิบอมเองก็เคยเป็น..
โรคร้าย.. ที่ไม่มีใครนอกจากพ่อแม่ของคิบอมและเขาที่รู้...
โรคปริศนา .. โรคประจำตัว .. ที่ครูอาจารย์เลือกที่จะปิดบังนักเรียนเอาไว้
..ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้เด็กๆตกใจกลัวกับโรคร้ายน่ากลัวนี้..
เพียงเพราะคิดว่าอาการของคิบอมมันน่ากลัวเกินจะบอกให้เด็กน้อยวัยมัธยมต้นรับรู้..
เพียงเพราะกลัวว่าเด็กนักเรียนจะ ‘สงสาร เวทนา และสมเพช’ คิมคิบอม..
ความลับ .. ที่เขาเป็นคนกุมเอาไว้ ..
ความลับ .. ที่มันย้อนกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง ..
นี่นายโกรธกัน เกลียดกัน ขนาดนี้เลยเหรอคิบอม..
นายแค้นฉันที่ฉันไม่รับรักนาย .. ใช่มั้ย ..
ถึงต้องแก้แค้นกันขนาดนี้..
ถึงต้องทำให้ฮยอกแจเป็นโรคเดียวกับนาย .. พรากฮยอกแจไปจากฉัน ..
หยดน้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มตอบทั้งสองข้าง
โทรศัพท์มือถือที่ตกลงไปกองกับพื้นไม่มีทีท่าว่าเจ้าของจะเก็บมันขึ้นมา
มือหนาที่กำลังสั่นเทากำเข้าหากันแน่น
อวัยวะที่อยู่ใต้อกด้านซ้ายบีบเข้าหากันแน่นจนเจ็บแปลบไปหมด
เพียงแค่คิดว่าฮยอกแจจะต้องจากไป .. แบบที่คิมคิบอมเคยเป็น ..
มันก็เจ็บลึกจนเขาอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้แล้วล่ะ ..
เป็นห่วงเหลือเกิน .. เป็นห่วงว่าคนตัวเล็กของเขาจะกำลังทรมาณเพราะโรคร้าย..
เป็นห่วงว่าการรักษาอันโหดร้ายป่าเถื่อน ..
จะทำให้ฮยอกแจทรมาณเพราะความเจ็บปวด..
.. จนต้องจากไป ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น